โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธกระแสข่าวพนักงานอัยการตีกลับสำนวนคดี “พงศ์พัฒน์” พร้อมเครือข่าย ยันตำรวจทำคดีรัดกุมรอบคอบ เร่งทำสำนวนคดี คาดภายในเดือน ม.ค. สามารถสรุปสำนวนส่งอัยการได้ทั้งหมด
วันนี้ (2 ม.ค.) ที่ สน.โชคชัย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.ก. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. พร้อมเครือข่ายว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งสำนวนคดีหลักๆ ไปให้แก่อัยการแล้ว 7 สำนวน ประกอบด้วย คดีการซื้อขายตำแหน่ง คดีเปิดบ่อนการพนันภายในสถานบริการย่านรัชดา คดีทุจริตน้ำมันเถื่อน ฯลฯ ซึ่งมี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้ต้องหาหลัก และมีผู้ต้องหารายอื่นๆ เกี่ยวข้องด้วย โดยในแต่ละสำนวนคดีนั้นจะมีจำนวนผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องไม่เท่ากัน ส่วนสำนวนคดีย่อยที่เหลืออยู่นั้น คือ คดีในท้องที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่มีการแอบอ้างสถาบันฯ และพบใหม่อีก 2-3 คดี ที่เกี่ยวกับการขู่กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงค่าอาหาร ซึ่งมีหลายสถานีตำรวจท้องที่เกี่ยวข้องกัน จึงตั้งเป็นรูปแบบคณะกรรมการสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน ส่วนตน และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เป็นรองประธาน ซึ่งจะทำการสอบสวนในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสรุปสำนวนทั้งหมดส่งอัยการได้ทันภายในเดือน ม.ค.นี้ แต่หากเป็นคดีที่มีการแอบอ้างสถาบันก็จะต้องส่งเข้าคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณา ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้าไปบ้างเล็กน้อย
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับตามกฎหมายแล้วถ้าหากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการระดับซี 8 ขึ้นไป จะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายใน 30 วัน โดยทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สอบถามไปยัง ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งทาง ป.ป.ช. ได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า เพื่อความต่อเนื่องของคดีจึงเห็นสมควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนคดี และส่งอัยการต่อไป ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการโดยส่งสำนวนคดีให้อัยการไปแล้ว ส่วนทางอัยการจะมีคำสั่งเป็นอย่างไรนั้น คงจะต้องรอเปิดทำการในวันราชการวันที่ 5 มกราคมนี้
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวการตีกลับสำนวนคดีดังกล่าว พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการเรียกสำนวนตีกลับ เป็นเพียงการเรียกไปสอบถามในรายละเอียดเพิ่มเติมในสำนวนเพียงเล้กน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นแค่เอกสารเพียงชุดเดียว โดยทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ท่านก็ได้ยืนยันความถูกต้องในสำนวน หลังจากนี้ ก็คงจะต้องรอทางอัยการพิจารณาสำนวนคดีว่ามีประเด็นอะไรให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ ถ้าหากไม่มีอะไรให้สอบสวนเพิ่มเติมก็ดำเนินการไปตามกระบวนการต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า สำนวนคดีหลักทั้งหมด 7 สำนวนนั้น ได้ส่งให้อัยการไปหมดแล้ว และไม่มีการตีกลับสำนวนแต่อย่างใด ส่วนสำนวนหลักที่เหลืออีก 2สำนวน ที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เกี่ยวข้องก็คือ คดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน และคดีครอบครองซากสัตว์ป่าฯ โดยการทำสำนวนคดีเริ่มจาก สน.ท้องที่ต่างๆ ส่งมายังกองบังคับการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการประสานไปยัง ป.ป.ช.แล้ว ก็ตอบกลับมาว่า ให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการได้เลย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีคำสั่งให้ส่งพนักงานอัยการไปแล้วเมื่อระหว่างวันที่ 29-30 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยแยกสำนวนเป็นแต่ละท้องที่ ส่วนสำนวนคดีฟอกเงินที่ยังเหลืออยู่นั้น เนื่องจากยังไม่ได้รับของกลางมาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสำนวนคดีทุจริตการพนันฟุตบอลออนไลน์อาบูบาก้า ว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย ได้เข้ามอบตัวแล้ว 4 ราย และยังหลบหนีอยู่อีก 5 ราย โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังรอว่าผู้ต้องหาที่เหลืออยู่นั้นจะประสานขอเข้ามอบตัวเมื่อไหร่ ถ้าหากมีการเข้ามอบตัวก็จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมบางส่วน ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องหาติดต่อว่าจะขอเข้ามอบแล้ว 1-2ราย เป็นระดับรอง ผกก.และสารวัตร โดยคาดว่าในเดินทางเข้ามอบตัวในวันที่ 5 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นวันเปิดทำการของราชการ