บก.ป.แถลงตรวจยึดรถยนต์หรูเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรนำเข้าจากมาเลเซีย 9 คันที่จอดอยู่ภายในซอยพัฒนเวศน์ 12 ถ.สุขุมวิท เบื้องต้นไม่พบการขอจดทะเบียน โดยบางคันมีการนำตราสัญลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุดมาติดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม (กก.ปพ.บก.ป.) โชคชัย 4 เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รักษาการ ผกก.ปพ.บก.ป. แถลงผลการตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัยว่าได้มาจากการกระทำความผิด รวม 9 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู 730 แอลดี สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ท-5884 กรุงเทพมหานคร , รถยนต์ยี่ห้อเลกซัส อาร์เอ็กซ์ 370 สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ท-9062 กรุงเทพมหานคร , รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีเทา ทะเบียน สส-9600 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 6 สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ท-4247 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ท-1188 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ท-2367 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน แฟร์เลดี้ สีเทา ทะเบียน วพ-5431 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ภ-8418 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ษ-1577 กรุงเทพมหานคร รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยยึดรถยนต์ทั้งหมดได้ที่บ้านเลขที่ 150 ซอยเจริญใจ และบ้านเลขที่ 9/69 ซอยพัฒนเวศน์ 12 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า การตรวจยึดรถยนต์ต้องสงสัยในครั้งนี้ สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.ป.ได้รับร้องเรียนว่าพบรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้มาจากการกระทำความผิด หรือเป็นรถที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลบเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร มีการนำมาจอดไว้ที่บ้านพักสองหลังดังกล่าวเพื่อรอการจดทะเบียนและนำออกขายในท้องตลาด ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบสวนรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.199 และ ค.200/2557 ก่อนจะเข้าตรวจค้นยังบ้านพักทั้งสองแห่ง กระทั่งพบรถยนต์ทั้งหมดและยึดไว้เพื่อตรวจสอบกับฐานข้อมูลของกรมขนส่งทางบก ต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ต่อศักดิ์กล่าวว่า จากการประสานข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก ในเบื้องต้นไม่พบการขอจดทะเบียนของรถยนต์ทั้งหมด รวมทั้งไม่พบเอกสารการนำเข้ารถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักร อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดที่เป็นเจ้าของรถซึ่งพบข้อมูลว่าประกอบธุรกิจนำเข้ารถยนต์ จดจำหน่ายรถยนต์มือสอง นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์บางคันมีการนำตราสัญลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุดมาติดไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อีกด้วย
พ.ต.ท.ต่อศักดิ์กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม กรณีการออกทะเบียนรถและใช้ตราสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการ ส่วนแหล่งที่มาของรถยนต์ทั้งหมด คาดว่าน่าจะถูกนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลต่อไป
