รมว.ยุติธรรม เผย ปปง.จะยังไม่ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินอดีต ผบช.ก.ที่มีความผิดฐานฟอกเงิน ระบุยังไม่ได้รับประสานจาก สตช. ชี้ ตร.สามารถดำเนินการยึดทรัพย์เองได้ แบ่งรับแบ่งสู้รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่
วันนี้ (24 พ.ย.) ที่โรงแรมเดอะแลนด์มาร์ค พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการฟอกเงินระหว่างประเทศ (FATF, APG Joint Experts’ Meeting on Money Loundering and Terrorist Financing Typologie) โดยมี Mr.Leonard De Jager และ Mr.Martin Tabi ประธานร่วม FATF (Financial Action Task Force) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และตัวแทนจาก Asia-pacifice Group on Money Loundering (APG) จำนวน 250 คน ร่วมประชุม
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาการฟองเงินเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศให้ความสำคัญมาก เนื่องจากการฟอกเงินเป็นส่วนหนึ่งขบวนการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายต่างๆ โดยประเทศเป็นหนึ่งในประเทศเทศที่มีกฎหมายป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน หรือ พ.ร.บ.การฟอกเงิน ปี 2555 และ FATF ได้ปลดล็อกประเทศไทยออกจากกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวแล้วเมื่อปี 2556 หมายความว่าประเทศไทยมีเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ป้องกันอาชญากรรมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ แต่ไทยจะต้องนำเครื่องมือหรือกฎหมายป้องกันฟอกเงินมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ได้ในปี 2559
“ทางองค์กร APG ได้ให้เกียรติจัดงานที่ประเทศไทย แสดงว่ามองเห็นว่าประเทศไทยเอาจริงในเรื่องการปราบปรามการฟอกเงิน โดยงานประชุมนี้เป็นการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์วิธีทำงานของอาชญากรปัจจุบันและวิธีใหม่ ๆที่จะนำมาใช้ เช่นการเปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อผู้อื่น การฟอกเงินผ่านการค้าทองคำ อัญมณีต่างๆ เป็นต้น แต่ละประเทศต้องร่วมมือกัน พร้อมเชิญ FATF องค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับอาณัติจากสหประชาชาติให้กำหนดมาตรฐานสากลด้าน AML/CFT มาแลกเปลี่ยนความรู้ด้านอาชญากรรมกับการฟอกเงิน” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาทเผยว่า การฟอกเงินคือกระบวนการทำให้เงินที่ได้จากอาชญากรรม เช่น เงินจากค้ายาเสพติด การฉ้อโกง การค้าอาวุธ การคอร์รัปชัน กลายเป็นเงินบริสุทธิ์หรือถูกกฎหมาย ผ่านการทำธุระกรรมทางการเงินหลายครั้ง อีกทั้งนำเงินดังกล่าวไปสนับสนุนผู้ก่อการร้ายต่างๆ ด้วย แต่ละประเทศจึงให้ความสำคัญมากเรื่องการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขณะนี้ประเทศไทยมี พ.ร.บ.ป้องกันการฟอกเงิน พร้อมใช้กฎหมายดังกล่าวมาจัดการปัญหาอาชญากรรม เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดไปจ้างผู้อื่นเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้เป็นช่องทางการโอนเงิน เป็นต้น และขณะนี้กำลังแก้ไข พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณา ก่อนส่งให้ สนช.ต่อไป
นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เผยถึงกรณีที่พบทรัพย์สินนับพันล้านภายในบ้านของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ที่มีความผิดในข้อหา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วยว่า เบื้องต้นทราบข้อมูลตามที่เป็นข่าว ส่วนในเรื่องที่เจอทรัพย์สินในบ้านผู้ต้องหานั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สามารถจัดการเองได้ และในส่วนที่จะให้สำนักงาน ปปง.เข้าไปตรวจสอบที่มาที่ไป และเส้นทางการเงินหรือสินทรัพย์ทั้งหมดนั้นยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องการข้อมูลที่มีรายละเอียดมากกว่านี้ รวมทั้งทาง สตช.ยังไม่ได้ประสานมา แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้รายงานให้ตนทราบว่ามีข้าราชการบางกลุ่มร่วมมือกับเอกชนทำธุระกิจค้าน้ำมันเถื่อน แต่ไม่ได้ระบุลึกว่าเป็นข้าราชการกลุ่มไหน กระทั่งล่าสุดทราบว่ากลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายภาคใต้ที่ถูกจับกุมได้ไปก่อนหน้านี้ด้วย สำหรับกรณีที่ดีเอสไอจะรับคดีที่พบทรัพย์สินนับพันล้านที่บ้านผู้ต้องหาไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าเข้าข้อกฎหมายและคณะกรรมการพิจารณาคดีพิเศษดีเอสจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่