ตำรวจสืบสวน สน.บางซื่อ ตามรวบโจรแสบตัดกุญแจร้าน “แบงค์โบราณ” ย่านประดิพัทธ์ กวาดทรัพย์สินกว่า 1 ล้านบาท อ้างหาเงินเลี้ยงภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ซื้อยาไอซ์มาเสพ
จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกงัดแงะเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้าน “แบงค์โบราณ” โดยได้ทรัพย์สินเป็นธนบัตรโบราณ เหรียญเงิน เหรียญเงิน เงินพดด้วงทองคำ และพระเครื่องชนิดต่างๆ จำนวนหลายรายการ มูลค่าประมาณ 1,291,000 บาท เกิดเหตุบริเวณปากซอยประดิพัทธ์ 21 ถนนประดิพัทธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ พ.ต.ท.วาสุเทพ คงกล่อม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สิทธิชัย ธัญญบาล สว.สส. พ.ต.ต.นาถนริศ รัตนบุรี สว.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายวัลลภ วิเศษศรี หรือบอล อายุ 31 ปี และนายสามารถ บริสุทธิ์ หรือศักดิ์ อายุ 37 ปี พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 100,000 บาท พระเครื่องจำนวนหลายรายการ อุปกรณ์งัดแงะ ไฟฉาย และชุดที่ใช้ในวันก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่154/6-7 ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ก่อเกียรติกล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งสืบทราบคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวว่าคือนายวัลลภ เจ้าหน้าที่จึงทำการขออำนาจศาลออกหมายจับเพื่อทำการจับกุมได้ที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นได้ทำการสอบสวนขยายผลจนกระทั่งสามารจับกุมนายสามารถซึ่งเป็นผู้รับซื้อของที่นายวัลลภขโมยมาได้ในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนนายวัลลภให้การรับสารภาพว่า ก่อนก่อเหตุตนได้พบร้านดังกล่าวปิดประตูไม่สนิททำให้คิดจะขโมยของภายในร้านดังกล่าว ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเพื่อไปเอาอุปกรณ์งัดแงะที่บ้านบ้านของตนเอง ก่อนกลับมาที่ร้านอีกครั้งเพื่อทำการตัดกุญแจร้านดังกล่าวแล้วเข้าไปขโมยทรัพย์สินแล้วนำไปขายต่อให้กับนายสามารถซึ่งรู้จักกันก่อนหน้านี้จากการที่ตนเองเคยไปขายของเก่าย่านคลองหลอด ในราคา 70,000 บาท จากนั้นนำเงินที่ได้มาไปซื้อรถยนต์จำนวน 1 คัน และนำไปเลี้ยงดูภรรยาที่กำลังตังครรภ์ 6 เดือน ส่วนเงินที่เหลือนำไปซื้อยาไอซ์มาเสพ
นายวัลลภให้การต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยทำเป็นพนักงานชั่วคราวระยะเวลา 3 เดือนก่อน ก่อนจะหมดสัญญาจ้าง จากนั้นได้เคยไปทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลมหิดล แต่ก็ถูกไล่ออกอีก ทำให้ตนเองต้องตกงานเลยหันมาก่อเหตุดังกล่าวซึ่งตนเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วในพื้นที่ สน.สามเสน และ สภ.บางกรวย ยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีใดๆ มาก่อน
ด้านนายสามารถให้การรับสารภาพว่า ได้รับซื้อของดังกล่าวจากนายวัลลภจริง จากนั้นได้นำของที่ได้รับซื้อมาไปขายต่อให้กับนายสมคิด อ่วมงามอาจ หรือคิด อายุ 43 ปี ในราคา 100,000 บาท ส่วนธนบัตรโบราณนั้นตนไม่สามารถนำไปขายต่อได้จึงนำไปเผาทำลายทิ้งเนื่องจากเกรงว่าจะมีความผิด
พ.ต.อ.เศกสิทธิ์กล่าวว่า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปพบกับนายสมคิดซึ่งมีอาชีพค้าของเก่าอยู่ที่ จ.ราชบุรี จากการสอบถามนายสมคิดยอมรับว่าได้รับซื้อของดังกล่าวมาจากนายสามารถจริงแต่ไม่ทราบว่าของดังกล่าวเป็นของที่ถูกขโมยมา จึงนำของทั้งหมดที่รับซื้อไว้ให้กับเจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นของกลาง
ด้านนายพงษ์เนตร นิลสิทธิ์สถาพร อายุ 48 ปี เจ้าของร้านและผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ของกลางที่ได้มาทั้งหมดคิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปเท่านั้น คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ตนเองยืนยันว่าไม่เคยพบเห็นหรือม่เคยนำของเก่ามาขายที่ร้านมาก่อน ก่อนเกิดเหตุตนยังเข้าใจว่าลูกเอาของทั้งหมดไปดูแล้วไม่ได้นำมาเก็บไว้ที่เดิม จึงถกเถียงกันก่อนไปเปิดกล้องวงจรปิดดูปรากฏว่าลูกได้นำมาวางไว้ที่เดิมแล้ว จึงดูภาพต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบว่าของทั้งหมดถูกโจรขโมยไป ทั้งนี้ตนได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นการขอบคุณ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ผุ้อื่นในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ต่อนายวัลลภ และแจ้งข้อหารับของโจรต่อนายสามารถ ส่วนนายสมคิดนั้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ แต่ได้นำเรื่องเข้าประกอบสำนวนคดีแล้ว ก่อนนำผู้ต้องหาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป