เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าประเภทธนบัตรโบราณ เงินพดด้วง พระเครื่อง ชื่อ “แบงค์โบราณ” ย่านประดิพัทธ์ ถูกโจรงัดแงะฉกแบงก์เก่า - เงินพดด้วง - เหรียญทอง มูลค่ากว่า 3ล้าน จาการตรวจสอลกล้องวงจรปิดคนร้ายใช้เวลาโจกรรมเพียง 2 นาที ตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท
วันนี้ (2 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นายพงษ์เนตร นิลสิทธิ์สถาพร อายุ 48 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าประเภทธนบัตรโบราณ เงินพดด้วง พระเครื่อง ชื่อร้าน “แบงค์โบราณ” ตั้งอยู่เลขที่ 223 ซอยประดิพัทธ์ 21 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ว่าถูกคนร้ายงัดร้านเข้ามาขโมยกล่องเก็บธนบัตรโบราณ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 - 9 และพดด้วงเงิน - ทอง เหรียญทองคำ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ไปจากร้านกลางดึกวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นครึ่ง ตั้งอยู่ปากซอยประดิพัทธ์ 21 บริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านรับซื้อ - จำหน่าย ประเภทธนบัตรโบราณ เหรียญเงินพดด้วง พระเครื่อง พบนายพงษ์เนตร เจ้าของร้านดังกล่าว โดย นายพงษ์เนตร กล่าวว่า ตนเปิดร้านดังกล่าวมานานกว่า 11 ปี จะเปิดร้านตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. ทุกวัน โดยก่อนเกิดเหตุช่วงเย็นวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนก็ปิดร้านในช่วงเวลา 17.00 น. ตามปกติ จากนั้นเวลาประมาณ 07.50 น. ของวันที่ 31 ต.ค. หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ ก็เข้ามาที่ร้าน แต่เปิดประตูด้านหลังร้านเข้าไป โดยที่ไม่ได้สังเกตว่า กุญแจล็อกบานเลื่อนประตูหน้าร้านถูกคนร้ายตัดหายไป
นายพงษ์เนตร กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้น ตนก็เข้ามาตรวจสอบบริเวณที่ด้านหลังเคาน์เตอร์โชว์ของเก่า ก็พบว่า กล่องสเตนเลสที่ด้านในใส่ธนบัตรและของเก่าอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณกว่า 3 ล้านบาท หายไปจากชั้นวางด้านหลังจำนวน 7 - 8 กล่อง จึงสอบถามไปยังลูกชายวัย 14 ปี ว่า ได้มาหยิบกล่องดังกล่าวไปดูหรือไม่ เนื่องจากลูกชายชอบนำธนบัตรและเหรียญเก่าไปศึกษาดู แต่ลูกชายได้บอกกับตนว่าได้นำกล่องดังกล่าวไปดูจริงในช่วง 15.00 - 17.00 น. ของวันที่ 30 ต.ค. แต่ก็ได้นำมาวางเก็บไว้ตามเดิมก่อนปิดร้านแล้ว ตนจึงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในร้านซึ่งมีอยู่ 2 ตัวก็พบว่า ลูกชายได้นำมาวางคืนที่เดิมแล้วตามที่เจ้าตัวยืนยัน
“ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น. ลูกจ้างก็ได้เข้ามาที่ร้านเพื่อจะเปิดร้าน จึงมาขอลูกกุญแจไปไขเปิดประตูบานเลื่อนหน้าร้าน แต่ลูกจ้างสังเกตเห็นว่า แม่กุญแจที่ล็อกประตูบานเลื่อนด้านหน้าร้านนั้นหายไป จึงมาถามผมว่า เข้ามาทางด้านหน้าประตูหรือไม่ แต่ผมบอกว่า เข้ามาทางด้านหลังประตู เมื่อมาตรวจสอบลูกกุญแจร้านก็พบว่าหายไป 2 ดอกอีกด้วย เลยเชื่อว่ากล่องเก็บธนบัตรนั้นถูกคนร้ายงัดร้านเข้ามาขโมยไปแน่นอน จึงรีบไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในช่วงกลางคืน ก็พบว่าสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30 - 40 ปี ขณะเข้ามาหยิบกล่องสเตนเลสดังกล่าวออกจากร้านไป ในช่วงเวลา 03.08 น. โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 2 นาทีเท่านั้น โดยปกติหลังปิดร้าน จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวมาขายหน้าร้านจนถึงเวลา 04.00 น. ทุกวัน แต่วันเกิดเหตุร้านก๋วยเตี๋ยวไม่ได้มาขายเพราะปิดไป 3 วัน จึงสบโอกาสให้คนร้ายมาลงมือ"นายพงษ์เนตร กล่าว
นายพงษ์เนตร กล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปนั้น มีรวมแล้วกว่า 40 รายการ อาทิ ธนบัตรโบราณตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 7 - รัชกาลที่ 9 จำนวน 150 - 200 ใบ มูลค่าตั้งแต่ 2,000 - 150,000 บาท ซึ่งแต่ละใบมีรูปถ่ายยืนยันเลขธนบัตรไว้ชัดเจน เงินพดด้วงเงิน - ทองคำ พระเลี่ยมทอง 2 - 3 องค์ เหรียญทองคำ เข็มกลัดพิมพ์นูนเนื่องในวโรกาสรัชกาลที่ 5 ทรงครองราชย์เสมอรัชกาลที่ 2 มูลค่ากว่าแสนบาท ล็อตเตอร์เลขเรียงครบชุด ตั้งแต่ 000000-999999 รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 3 ล้านบาท แต่เท่าที่ตนมีรูปถ่ายเป็นหลักฐานเก็บไว้นั้นมูลค่ารวมแล้วประมาณ 1.5 ล้านบาท เท่านั้น
นายพงษ์เนตร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนก็เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.พิเชฎฐ์ ชาตะโชติ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ไว้แล้ว โดยช่วงเย็นวันนี้จะนำสำเนาเอกสารรูปถ่ายทรัพย์สินที่หายไปมอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้าย อย่างไรก็ตาม หากใครพบแจ้งเบาะแสคนร้ายจนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ ตนมีรางวัลนำจับให้ 1 แสนบาท
ด้าน พ.ต.ท.สิทธิชัย ธัญญาบาล สว.สส.สน.บางซื่อ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ภาพวงจรปิดจากผู้เสียหายมาแล้ว ซึ่งเบื้องต้นพบว่า คนร้ายเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 30 - 40 ปี รูปร่างท้วม ใช้เวลาก่อเหตุเพียงแต่ 2 นาที โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุว่า คนร้ายมีทั้งหมดกี่คน รวมทั้งใช้ยานพาหนะและเส้นทางใดในการหลบหนี นอกจากนี้ จะรอให้ทางผู้เสียหายนำรูปพรรณของทรัพย์สินที่หายไปทั้งหมดมามอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน จากนั้นจะนำไปตรวจสอบตามแหล่งรับซื้อของเก่าว่ามีผู้ต้องสงสัยรายใดนำมาขายบ้างหรือไม่