นักดนตรีที่ถูกกล่าวหาว่าอ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง “ปัฐวี โชติขัน” ชอบลวงไปหญิงสาวไปข่มขืน แจ้งความจับ “พสุ ไชยวสุ” แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท หลังพาหญิงที่อ้างว่าถูกข่มขืนมาแจ้งความ ยันเป็นการสมยอมทั้งสองฝ่าย และเคยให้เงินใช้
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ สน.วังทองหลาง นายปัฐวี โชติขัน อายุ 33 ปี เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ใจและแจ้งความกลับต่อ พ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ เงินฉลาด พนง.ผนส.สน.วังทองหลาง กรณีที่ถูกนายพสุ ไชยวสุ พาน้องที่ถูกอ้างว่าตนหลอกหลวงมาข่มขืนโดยใช้ช่องทางทางเฟซบุ๊ก อ้างตนเป็นโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งและใช้ช่องทางการเป็นนักร้อง ประกาศรับสมัครนักร้องสาวและล้อลวงมาข่มขืนหลายราย โดยจะแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา คือ แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท
นายปัฐวีกล่าวว่า ที่มาวันนี้จะแจ้งความกลับ 2 ข้อหา คือ หมิ่นประมาท และแจ้งความเท็จ โดยมีพยานบุคคลและหลักฐานการแชตผ่านข้อความทางเฟซบุ๊ก ความจริงแล้วตนรู้จักกันกับน้องประมาณ 4 เดือนแล้ว โดยคุยกันเชิงชู้สาว ไปรับส่งกินข้าวและน้องได้ขอยืมเงินครั้งแรก 3,000 บาท โดยตนบอกว่าจะหางานให้จริงแต่ต้องขอดูตัวก่อนว่าจะเขาโมเดลลิ่งเพราะน้องอยากทำงานทางด้านนี้จึงนัดกินข้าวและพูดคุย
นายปัฐวีกล่าวต่อว่า กรณีที่ตนถูกกล่าวหาว่าข่มขืนไม่เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด เพราะน้องเขาสมยอมและเป็นฝ่ายตามตนมาตลอด ถ้าหากข่มขืนจริงทำไมไม่มาแจ้งความตั้งแต่วันนั้น เพราะเรื่องจริงคือเขานัดมาเจอตนเพื่อจะขอยืมเงินดังกล่าว พอครั้งล่าสุดจะขอเงิน 10,000 กว่าบาท เพื่อจะเอาไปจ่ายค่ามัดจำห้อง แต่ตนก็บอกไปว่าต้องเอาไปให้แม่ก่อนจึงปฏิเสธไปทำให้น้องเขาไม่พอใจ พร้อมกับนายพสุที่พาน้องแจ้งความเคยมีปัญหากันอยู่แล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนเคยมาแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท ใส่ร้าย ดูหมิ่นเกลียดชัง ที่ สน.วังทองหลาง และได้ถอนแจ้งความไปแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และจะดำเนินการตรวจสอบหลักฐานทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง
คดีนี้สืบเนื่องจากวานนี้ น.ส.แพนด้า (นามสมมติ) อายุ 22 ปี พร้อมนายเอ (นามสมมติ) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชัยยุทธ ปัดถามัง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความโดยอ้างว่าตนเองถูกนายอาร์ท ปฐวี ซึ่งรู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊กลวงไปข่มขืนเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นายเอ (นามสมมติ) กล่าวว่านายอาร์ทเป็นนักดนตรีและก่อนหน้านี้นายอาร์ทเคยมีเรื่องกับนักดนตรีหลายคนทำให้มีการสร้างกลุ่มปิดในเฟซบุ๊กไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายอาร์ทที่มักโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อรับสมัครนักร้องหญิง ก่อนจะนัดให้มีการออกไปซ้อมดนตรีที่ห้องพักในช่วงเวลากลางดึก นอกจากนี้ยังมักอ้างว่าตนเป็นโมเดลลิ่งเพื่อชักชวนพริตตี้สาวว่าจะหางานให้ รวมทั้งมีพฤติกรรมชอบจีบหญิงสาวหน้าตาดีผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนหลอกไปที่ห้องพักเช่นกัน จากนั้นเมื่อตนได้รู้จักกับน้องแพนด้าและคงทราบเรื่องว่านายอาร์ทกระทำการดังกล่าวจึงรู้สึกสงสารเลยได้ช่วยเหลือพาน้องมาแจ้งความในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าหากไม่มีใครทำอะไรนายอาร์ทก็จะลอยนวลก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีก่อนนายอาร์ทเคยโดนผู้หญิงแจ้งความจับในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ในครั้งนั้นผู้เสียหายเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเสียก่อนคดีจึงไม่คืบหน้า
น.ส.แพนด้ากล่าวว่า ตนรู้จักกับนายอาร์ทในเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนกำลังหาเดือดร้อนหนักจึงหางานทำ ตอนนั้นนายอาร์ทบอกกับตนว่าเป็นโมเดลลิ่งจะฝากงานให้ ตนถามว่าอย่างตนจะทำงานพริตตี้ได้หรือ แต่นายอาร์ทยังยืนยันว่าหากเป็นคนฝากเองต้องได้ทำงานแน่ และได้นัดตนไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเจอตนนายอาร์ทก็บอกว่าอาจจะไม่สามารถทำงานเป็นพริตตี้ได้ แต่จะฝากงานแคชเชียร์ให้แทน แล้วบอกว่าขอแวะไปเอาของที่ห้องก่อนจะพาไปสมัครงาน เมื่อไปถึงห้องนายอาร์ทก็ลงมือข่มขืนตนโดยที่ตนไม่สามารถต่อสู้ได้
น.ส.แพนด้ากล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวไม่นานตนก็ได้รู้จักกับนายเอ (นามสมมติ) ที่เคยมีปัญหากับนายอาร์ท ทราบว่ามีกลุ่มปิดเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องนายอาร์ทกัน จึงติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ และได้ตกลงกันว่าจะมาแจ้งความ แต่หลังจากนั้นตนก็ได้มีการพูดคุยกับนายอาร์ทอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะให้นายอาร์ทยอมรับว่าได้กระทำการข่มขืนตนจริง แต่เมื่อคุยโทรศัทพ์กันนายอาร์ทก็มักจะพูดว่า “ทำไมน้องทำกับพี่แบบนี้ น้องเป็นคนสมยอมเองไม่ใช่หรือ พี่อุตส่าห์ช่วยเหลือหางานให้ทำ หากไปแจ้งความจริง พี่จะฟ้องกลับโทษฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเหมือนกันเพราะพี่ก็มีพี่ชายเป็นตำรวจ” ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นแบบที่นายอาร์ทพูดเลย ตนคิดว่านายอาร์ทคงกลัวว่าตนจะอัดเสียงคงพยายามพูดว่าตนสมยอม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว จากนั้นจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวว่ามาสอบปากคำ และหากผู้เสียหายมีหลักฐานเพิ่มเติมที่จะสามารถเอาผิดต่อผู้ถูกกล่าวหาได้ก็สามารถนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ได้ตลอด
