ผู้เสียหายเข้าแจ้งความจับนักดนตรี อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่งเปิดเฟซบุ๊กลวงเหยื่อที่ต้องการเป็นนักร้องหญิงและพริตตี้ ก่อนลวงไปข่มขืน เชื่อมีพฤติกรรมก่อเหตุเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ตร.เตรียมออกหมายเรียกผู้กล่าวหามาสอบสวนต่อไป
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ สน.วังทองหลาง น.ส.แพนด้า (นามสมมติ) อายุ 22 ปี พร้อมนายเอ (นามสมมติ) เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชัยยุทธ ปัดถามัง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.วังทองหลาง เพื่อแจ้งความโดยอ้างว่าตนเองถูกนายอาร์ท ปฐวี ซึ่งรู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊กลวงไปข่มขืนเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
นายเอ (นามสมมติ) กล่าวว่า นายอาร์ทเป็นนักดนตรีและก่อนหน้านี้นายอาร์ทเคยมีเรื่องกับนักดนตรีหลายคนทำให้มีการสร้างกลุ่มปิดในเฟซบุ๊กไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับพฤติกรรมของนายอาร์ทที่มักโพสต์เฟซบุ๊กเพื่อรับสมัครนักร้องหญิง ก่อนจะนัดให้มีการออกไปซ้อมดนตรีที่ห้องพักในช่วงเวลากลางดึก นอกจากนี้ยังมักอ้างว่าตนเป็นโมเดลลิ่งเพื่อชักชวนพริตตี้สาวว่าจะหางานให้ รวมทั้งมีพฤติกรรมชอบจีบหญิงสาวหน้าตาดีผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนหลอกไปที่ห้องพักเช่นกัน จากนั้นเมื่อตนได้รู้จักกับน้องแพนด้าและคงทราบเรื่องว่านายอาร์ทกระทำการดังกล่าวจึงรู้สึกสงสารเลยได้ช่วยเหลือพาน้องมาแจ้งความในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าหากไม่มีใครทำอะไรนายอาร์ทก็จะลอยนวลก่อเหตุซ้ำอีก เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีก่อนนายอาร์ทเคยโดนผู้หญิงแจ้งความจับในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ในครั้งนั้นผู้เสียหายเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเสียก่อนคดีจึงไม่คืบหน้า
น.ส.แพนด้ากล่าวว่า ตนรู้จักกับนายอาร์ทในเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตนกำลังหาเดือดร้อนหนักจึงหางานทำ ตอนนั้นนายอาร์ทบอกกับตนว่าเป็นโมเดลลิ่งจะฝากงานให้ ตนถามว่าอย่างตนจะทำงานพริตตี้ได้หรือ แต่นายอาร์ทยังยืนยันว่าหากเป็นคนฝากเองต้องได้ทำงานแน่ และได้นัดตนไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเจอตนนายอาร์ทก็บอกว่าอาจจะไม่สามารถทำงานเป็นพริตตี้ได้ แต่จะฝากงานแคชเชียร์ให้แทน แล้วบอกว่าขอแวะไปเอาของที่ห้องก่อนจะพาไปสมัครงาน เมื่อไปถึงห้องนายอาร์ทก็ลงมือข่มขืนตนโดยที่ตนไม่สามารถต่อสู้ได้
น.ส.แพนด้ากล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวไม่นานตนก็ได้รู้จักกับนายเอ (นามสมมติ) ที่เคยมีปัญหากับนายอาร์ท ทราบว่ามีกลุ่มปิดเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องนายอาร์ทกัน จึงติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ และได้ตกลงกันว่าจะมาแจ้งความ แต่หลังจากนั้นตนก็ได้มีการพูดคุยกับนายอาร์ทอยู่เรื่อยๆ เพื่อจะให้นายอาร์ทยอมรับว่าได้กระทำการข่มขืนตนจริง แต่เมื่อคุยโทรศัทพ์กันนายอาร์ทก็มักจะพูดว่า “ทำไมน้องทำกับพี่แบบนี้ น้องเป็นคนสมยอมเองไม่ใช่หรือ พี่อุตส่าห์ช่วยเหลือหางานให้ทำ หากไปแจ้งความจริง พี่จะฟ้องกลับโทษฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเหมือนกันเพราะพี่ก็มีพี่ชายเป็นตำรวจ” ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นแบบที่นายอาร์ทพูดเลย ตนคิดว่านายอาร์ทคงกลัวว่าตนจะอัดเสียงคงพยายามพูดว่าตนสมยอม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว จากนั้นจะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวว่ามาสอบปากคำ และหากผู้เสียหายมีหลักฐานเพิ่มเติมที่จะสามารถเอาผิดต่อผู้ถูกกล่าวหาได้ก็สามารถนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ได้ตลอด