xs
xsm
sm
md
lg

คำสั่ง "สมยศ"แบ่งงาน กังขาสนองให้ "พวกพ้อง"

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ขณะมอบนโยบายให้กับนายตำรวจระดับผู้บังคับการขึ้นไปเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ทีผ่านมา
ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นจากการแบ่งงานและเลือกใช้คนที่ตัวเองไว้ใจเท่านั้น จึงเกิดเสียงครหาและข้อกังขา การบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคพล.ต.อ.สมยศทำเพื่อประชาชนจริง หรือแค่เอาประชาชนมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง รวมทั้งสร้างความปรองดองหรือตอกลิ่มรอยร้ายคนสีกากีกันแน่

แค่เริ่มประเดิมทำหน้าที่แม่ทัพใหญ่สีกากี "บิ๊กอ๊อด"พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มือใหม่ป้ายแดง ก็ถูกข้อกังขาถึงการบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน สร้างความปรองดองและพัฒนาองค์กรตำรวจให้เป็นที่ยอมรับของสังคม

หรือเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องกันแน่

คำสั่งกำหนดลักษณะงาน การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ(สบ10) ที่ปรึกษา(สบ10) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผู้ช่วยผบ.ตร.) รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ(สบ9) และรองจเรตำรวจแห่งชาติ(สบ9) ที่พล.ต.อ.สมยศเซ็นคำสั่งไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

กลายเป็นชนวนเหตุเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มกรมปทุมวันว่าเป็นการมอบหมายงานที่ผิดฝาผิดตัวหรือไม่???

โดยเฉพาะการมอบหมายงานให้ "รองผบ.ตร."ในส่วนหน้างาน "ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม" หรือ "ปป."ซึ่งเป็นงานที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดประชาชน ทำงานป้องกันก่อนเกิดเหตุร้าย หรือการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดเมื่อเหตุเกิด พล.ต.อ.สมยศ เลือกที่จะมอบหมายให้ "บิ๊กย้อย"พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. คุมงาน ปป.1 รับผิดชอบพื้นที่บช.ภ.1,2,7 และบช.ก. และ "บิ๊กเรือง"พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รักษาการ รองผบ.ตร. คุมงาน ปป.2 รับผิดชอบพื้นที่ บช.ภ.3,4,5,6,8,9 และบช.น.

การเลือกพล.ต.อ.วรพงษ์ คุมงาน ปป.1 อาจจะดูไม่ผิดฝาผิดตัวเท่าไหร่ เพราะ"บิ๊กย้อย"เคยผ่านเก้าอี้หน่วยปฏิบัติระดับเกรดเอมาไม่ว่าจะเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7(ผบช.ภ.7) ,ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) หรือ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) มีไม้รายมือไม่มีใครติดใจสงสัย

แต่สิ่งที่สร้างความกังขา คือการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในยุคที่มีศอ.รส. "บิ๊กย้อย"ซึ่งถือเป็นน้องเลิฟ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งเป็น ผอ.ศอ.รส. การทำคดีหลายๆคดี มีคำถามต่อการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.วรพงษ์ว่าดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมมากน้อยแค่ไหน เพราะขนาด "บิ๊กกุ้ย"พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ เข้ามาสวมหมวก รักษาการผบ.ตร. ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยังมีการปรับเปลี่ยนหน้างาน ย้ายก้น "บิ๊กย้อย"ให้ไปดูแลงานบริหารทันที

เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ คุมงาน ปป.2 เกิดคำถามขึ้นอย่างชัดเจนว่าเหมาะสมแล้วหรือ กับการเข้ามารับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะได้คุมกองบัญชาการสำคัญเกือบทั่วประเทศ ไม่เว้นนครบาลพื้นที่เมืองหลวง

เพราะตามประวัติเส้นทางสีกากี พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ ผ่านเก้าอี้งานสอบสวนเพียงแค่ รองสารวัตรสอบสวน สน.บางรัก สมัยจบมาใหม่ๆ จากนั้นเส้นทางสีกากีทั้งหมดต่างอยู่กับงานบุ๋น ไม่ว่าจะเป็น สารวัตรธุรการ สน.บางรัก รองผกก.กำลังพล บก.อก.บช.ปส. ผกก.ภาควิชาป้องกันอาชญากรรม โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รองผู้การฯกองการสอบ ผู้การฯกองการสอบ ผู้บัญชาการฯกำลังพล จเรตำรวจ(สบ8) และผู้บัญชาการศึกษา

จริงอยู่การดูแลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในระดับ รองผบ.ตร. ไม่ใช่ต้องลงไปวิ่งจับคนร้าย เพียงแค่ให้นโยบายให้แนวทางการทำงานเท่านั้น แต่การจะให้นโยบายให้แนวทางถ้าผู้บังคับบัญชามีประสบการณ์ เคยผ่านการเป็นฝ่ายปฏิบัติมาก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า ไม่ใช่หรือ?

การที่พล.ต.อ.สมยศ มอบหมายให้พล.ต.อ.วรพงษ์และพล.ต.ท.เรืองศักดิ์ คุมงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลอื่น นอกจากคำว่า"ไว้ใจ"มากว่า เพราะพล.ต.อ.วรพงษ์ เป็นรุ่นพี่ นรต.30 เคยทำงานใกล้ชิดกันมาก่อน ส่วนพล.ต.ท.เรืองศักดิ์ ก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.31

แต่กลับกันในการแบ่งงานอีกฟากฝั่งที่เคยเป็นคู่แคนดิเดตในการชิงเก้าอี้ "ผบ.ตร."กับ "บิ๊กอ๊อด" อย่าง "บิ๊กเอก"พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ซึ่งเคยคุมหน้างานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สมัยที่พล.ต.อ.วัชรพล กุมบังเหียน และโชว์ผลงานเข้าตาหลายๆคดีกับถูกโยกให้ไปคุมงานกฎหมายและสอบสวน

แม้หากจะดูตามความถนัด "บิ๊กเอก"ที่มีฝีมืองานกฎหมายและสอบสวนในระดับต้นๆของกรมทุมวัน แต่ถ้ามองกันในมุมเป็น รองผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 1 มีสิทธิ์ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป ก็น่าจะเปิดโอกาสให้คุมหน้างานที่สามารถแสดงศักยภาพมากกว่าไปดูงานตัวหนังสือ

เช่นเดียวกับ "บิ๊กอวบ"พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รักษาการรองผบ.ตร. ที่มีสถานะเป็นลูกเขยพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร. ซึ่ง "บิ๊กเอก"เคยเป็นเลขานุการตำรวจ สมัยพล.ต.อ.ประชา เป็น ผบ.ตร. ก็ถูกหางเลข ได้รับมอบหมายให้คุมงานศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ซึ่งดูจะเป็นหน้างานลอยๆ ที่ไม่น่าถึงขนาดจะให้ระดับ รองผบ.ตร.มาคุมเป็นการเฉพาะ ขนาดที่ผ่านมาสมัยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับ ศปก.ตร.ขนาดไหน ก็ยังไม่มอบหมายให้รองผบ.ตร.มาคุมเป็นการเฉพาะเลย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อพล.ต.อ.สมยศ กุม

บังเหียนกรมปทุมวันอย่างเต็มตัว การจะมอบหมายหรือแต่งตั้งให้ใครรับผิดชอบงานอะไร จะผิดฝาผิดตัว หรือถูกฝาถูกตัว ผลที่จะเกิดขึ้นผบ.ตร.ก็จะปัดความรับผิดชอบไปไม่ได้

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนแนวนโยบาย "บิ๊กอ๊อด"ที่มอบหมายงานให้คนที่ไว้ในคุมกับแนวปฏิบัติดูจะตรงข้ามกัน แบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่ทราบได้ อย่างคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวบนเกาะเต่า ซึ่งถือเป็นคดีอาชญากรรมคดีหนึ่ง เพียงแต่เป็นคดีที่มีผลกระทบต่อภาพพจน์ประเทศไทย ที่ผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ และคนร้ายมีพฤติกรรมโหดร้ายทารุณ แต่ก็ยังอยู่ในข่ายคดีอาชญากรรมอยู่ดี

ทว่าแทนที่ "ผบ.สมยศ"จะมอบหมายให้ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม พื้นที่บช.ภ.8 ลงไปคุมคดี กับมีคำสั่งแต่งตั้ง "บิ๊กแป๊ะ"พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาการรองผบ.ตร. ที่คุมงานด้านความมั่นคงให้รับผิดชอบคดีดังกล่าว

ทั้งๆที่มองอย่างไรคดีเกาะเต่าก็ไม่ใช่หน้างานความมั่นคง เป็นหน้างานอาชญากรรม การมอบคดีให้ "บิ๊กแป๊ะ"คุมคดี กระทั่งสามารถจับกุมคนร้ายได้ในอีกไม่กี่วัน หลัง "บิ๊กอ๊อด"มอบให้พล.ต.ท.จักรทิพย์คุม จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการปั้น "บิ๊กแป๊ะ" น้องเลิฟ ในการปูทางขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ตร.ในปีต่อไป

ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นจากการแบ่งงานและเลือกใช้คนที่ตัวเองไว้ใจเท่านั้น จึงเกิดเสียงครหาและข้อกังขา การบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุคพล.ต.อ.สมยศทำเพื่อประชาชนจริง หรือแค่เอาประชาชนมาเป็นเกราะป้องกันตัวเอง รวมทั้งสร้างความปรองดองหรือตอกลิ่มรอยร้ายคนสีกากีกันแน่
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท.รองผบ.ตร.(ปป.2)
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.
พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รองผบ.ตร.(มค.1)
กำลังโหลดความคิดเห็น