xs
xsm
sm
md
lg

สาวไทยประสานช่วยหนุ่มเยอรมันขาบวมนั่งขอทานย่านข้าวสารกลับประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สาวนวดแผนโบราณประสานตำรวจพร้อมสมาคมเยอรมันฯ เข้าช่วยเหลือหนุ่มเมืองเบียร์ขาบวมนั่งขอทานย่านถนนข้าวสารให้กลับประเทศ เผยถูกขโมยกระเป๋าสตางค์พร้อมพาสปอร์ต รองสารวัตรท่องเที่ยวยัน ตร.เข้าช่วยเหลือทันทีที่ทราบข่าวและขาบวมไม่ใช่โรคติดต่อ ด้านเจ้าตัวเผยรู้สึกดีที่คนไทยช่วยเหลือ จะหาทางกลับมาเที่ยวอีก

จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทราบชื่อ นายเบนจามิน โฮลเซ (Benjamin Holse) อายุ 29 ปี ชาวเยอรมัน มีอาการขานวม ถูกขโมยกระเป๋าสตางค์และเอกสารสำคัญ ไม่มีเงินเดินทางกลับบ้าน ต้องมานั่งขอทานอยู่บริเวณถนนข้าวสาร จนมีการเผยแพร่ทางเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย ล่าสุด วันนี้ (20 ก.ย.) ร.ต.ท.ปิยพงษ์ บุขุนทศ รอง สว.กก.1 บก.ทท. พร้อมด้วย ดร.ชุมพล เที่ยงธรรม ประธานสมาคมเยอรมันช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เจ้าหน้าที่จากสถานทูตเยอรมนีได้เดินทางมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวที่วีเอส เกสต์เฮาส์ ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กทม. โดยมี น.ส.ภูษนิศา ดารีย์ อายุ 28 ปี ผู้แจ้งขอความช่วยเหลือยืนรอพบเจ้าหน้าที่อยู่

น.ส.ภูษนิศากล่าวว่า ตนเป็นพนักงานร้านนวดแผนโบราณอยู่ที่ถนนข้าวสาร ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นนายเบนจามินนั่งขอทานอยู่ที่หน้าร้านจิวเวลรีในถนนข้าวสารซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตนทำงานอยู่ ด้วยความสงสารตนจึงเข้าไปสอบถาม นายเบนจามินบอกตนว่าเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยคนเดียวได้ 3 สัปดาห์ ต่อมาถูกขโมยกระเป๋าสตางค์พร้อมเอกสารไป จึงไม่มีเงินใช้และไม่สามารถเดินทางกลับบ้าน เนื่องจากพาสปอร์ตหายไปด้วย สำหรับขาที่บวมนั้นไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อแต่เป็นมาตั้งแต่วัยเด็ก ไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ด้วยความสงสารและอยากช่วยเหลือ ตนจึงซื้อข้าวและน้ำให้รับประทาน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาตนก็เข้าไปพูดคุยกับ นายเบนจามินทุกวัน กระทั่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมานายเบนจามินบอกว่าอยากกลับบ้าน ตนจึงพาไปที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อแจ้งความไว้ก่อนนำหลักฐานที่แจ้งความไปติดต่อสถานทูตเยอรมนีเพื่อทำเอกสารใหม่ แต่ทางสถานทูตแจ้งว่าต้องใช้เงินในการทำเอกสาร จำนวน 2,500 บาท นายเบนจามินไม่มีเงินจ่าย ตนจึงพากลับมาที่ถนนข้าวสาร แล้วกลับไปทำงานต่อ

น.ส.ภูษนิศากล่าวต่ออีกว่า หลังจากนั้นในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ตนก็เห็นนายเบนจามินมานั่งขอทานที่เดิมอีก จึงพามาพักที่วีเอส เกสต์เฮาส์ และออกค่าใช้จ่ายให้คืนละ 200 บาท แล้วสอบถามว่าก่อนหน้านี้พักอยู่ไหน นายเบนจามินตอบว่าพักอยู่ในซอยรามบุตรี จากนั้นจึงพาตนไปที่ห้องพักดังกล่าวเพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวที่ยังอยู่ในห้อง โดยนายเบนจามินได้จ่ายเงินค่าเปิดห้องซึ่งถูกล็อกไว้จำนวน 500 บาท เป็นเงินที่มีคนเอามาให้ 1,200 บาทตอนนั่งขอทานอยู่ จากนั้นพากลับมาที่วีเอส เกสต์เฮาส์ ได้ประมาณ 2 คืน หลังจากนั้นจึงตนประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ

ด้าน ร.ต.ท.ปิยพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากที่พบว่ามีการแชร์ภาพกันทางโซเชียลมีเดีย จึงได้ประสานไปยังสมาคมเยอรมันช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และประสานไปยังสถานทูตเยอรมนีเพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือ เมื่อเข้ามาตรวจสอบก็พบนายเบนจามินที่วีเอส เกสต์เฮาส์ จากการสอบถามทราบว่ากระเป๋าสตางค์และพาสปอร์ตหายไป จึงแจ้งความและลงบันทึกประจำวันที่ สน.ชนะสงคราม อย่างไรก็ดี จากการพูดคุยกับสมาคมฯ ได้รับคำตอบว่าทางสมาคมจะรับนายเบนจามินไว้ดูแลในเบื้องต้น และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอำนวยความสะดวกจนกว่าจะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้

“ขอฝากถึงผู้ที่อยู่ในโลกโซเชียลมีเดียว่า บางเรื่องที่เห็นอาจจะไม่เป็นเรื่องจริงก็ได้ เนื่องจากมีการแชร์กันว่านายเบนจามินป่วยเป็นโรคติดต่อ ต้องมานั่งขอทานและไม่มีใครมาช่วยเหลือ ที่จริงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเพิ่งทราบเรื่องเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา หลังทราบเรื่องได้เข้าให้การช่วยเหลือตั้งแต่แรก ทั้งเรื่องการส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล ให้ค่าใช้จ่ายประจำวัน ไม่ได้ปล่อยปละละเลยอย่างที่แชร์กันไป” ร.ต.ท.ปิยพงษ์กล่าว

ดร.ชุมพลกล่าวว่า หลังจากทางสมาคมได้รับการประสานงานก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เมื่อสอบถามนายเบนจามินทราบว่าเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. ด้วยสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ เส้นทางบินแฟรงก์เฟิร์ต-ปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ซื้อตั๋วมาเที่ยวเดียวไม่ได้ซื้อตั๋วขากลับไว้ ในกรณีนี้พบหลายครั้งในชาวต่างชาติที่ต้องการจะมาอยู่เมืองไทย เนื่องจากชาวต่างชาติส่วนใหญ่คิดว่าประเทศไทยเป็นแผ่นดินสวรรค์ เป็นประเทศที่มีความอิสรเสรี ต้องการจะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ทางสมาคมมีหน้าที่ดูแลคนเยอรมันที่อยู่ในประเทศไทยที่มีกว่า 50,000 คน โดยประสานงานกับทางสถานทูตเยอรมนีโดยตรง และประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีสมาคมเพื่อดูแลชาวเยอรมัน ในกรณีของนายเบนจามินนั้นครั้งแรกที่สมาคมทราบเรื่องก็ได้เข้าไปดูแลแต่นายเบนจามินปฏิเสธไม่ขอรับความช่วยเหลือ ทางสมาคมก็ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไร กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมาจึงกลับมาอีกครั้ง โดยหลังจากนี้ทางสมาคมจะรับดูแลเบื้องต้นก่อน และในวันที่ 22 ก.ย.นี้ จะพาไปสถานทูตเยอรมันเพื่อทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ รวมทั้งรอการตรวจสอบจากสถานทูตเพื่อออกวีซ่าก่อนจะพากลับสู่ประเทศบ้านเกิดต่อไป

ขณะที่นายเบนจามินกล่าวว่า ตนเดินทางเข้ามาในฐานะนักท่องเที่ยวและมาเพียงคนเดียว ไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวจะมาเกิดขึ้น ส่วนเรื่องของขานั้นตนมีความผิดปกติตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างใด ทั้งนี้ ภายหลังได้รับความช่วยเหลือจาก น.ส.ภูษนิศา ตนก็รู้สึกดี ทั้งที่ไม่รู้จักกันแต่ก็ยังมาให้ความช่วยเหลือ สำหรับเรื่องที่มีการแชร์กันทางโซเชียลมีเดียนั้น ไม่รู้ว่าเรื่องของตนไปโด่งดัง ตอนนี้มีความสุขและเป็นประสบการณ์ที่ดีที่มีคนไทยให้ความช่วยเหลือทั้งเรื่องที่พัก อาหาร ถ้าเป็นไปได้หลังกลับบ้านเกิดแล้วถ้ามีเงินพอก็จะเดินทางกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น