ตำรวจ ปคม. และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เข้าตรวจค้น สมาร์ทคลินิกเวชกรรม ชั้น 8 ภายในอาคารชาญอิสสระ สถานที่รับทำอุ้มบุญแห่งใหม่ แต่นายแพทย์ผู้จดทะเบียนใบอนุญาตประกอบการสถานพยาบาลถูกต้อง ยังปฏิเสธ
วันนี้ (16 ก.ย.) พ.ต.ท.สรกฤช พันธ์ศรี สว.กก.1บก.ปคม. น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองกฎหมายและผู้ช่วยอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. เดินทางเข้าตรวจค้น สมาร์ทคลินิกเวชกรรม บริเวณชั้น 8 ภายในอาคารชาญอิสสระ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. หลังจาก น.ส.หนูดี (นามสมมติ) เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กเเละสตรี กรณีที่รับอุ้มบุญให้กับชาวต่างชาติ แต่ตอนหลังแท้ง จึงถูกทิ้ง และไม่ได้รับค่าจ้าง
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นบนชั้น 8 ภายในอาคารชาญอิสสระ พบเปิดเป็นสถานพยาบาล สมาร์ทคลินิกเวชกรรม เฉพาะทางสูติ-นรี เลขที่ใบอนุญาต 10102003355 โดยมี นพ.วิสันต์ เสรีภาพงศ์ เป็นผู้จดทะเบียนใบอนุญาตประกอบการสถานพยาบาล จากการตรวจสอบสภาพภายในสถานพยาบาลดังกล่าว พบว่ามีการเปิดเป็นคลินิกรับทำเวชกรรม สำหรับผู้มีบุตรยาก
นายชาตรี กล่าวว่า จากการสอบถาม นพ.วิสันต์ ยังคงปฏิเสธว่าตนไม่ได้รับทำอุ้มบุญ แต่สมาร์ทคลินิกเปิดขึ้นเพื่อช่วยสำหรับผู้มีบุตรยากเท่านั้น ซึ่งทางผู้เสียหายที่เป็นแม่อุ้มบุญ แล้วเกิดแท้งลูก ยังคงยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เเละเจ้าหน้าที่ สบส. ว่า มาทำอุ้มบุญคลินิกที่นี่จริง พร้อมทั้งมีหลักฐานเป็นถุงยาบำรุงและใบนัดซึ่งออกโดยคลินิกดังกล่าวอีกด้วย
นพ.ภัครพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบสมาร์ทคลินิก พบว่า เปิดถูกต้องตาม พ.ร.บ.ประกอบการสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และมีการขอจดทะเบียนกับทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยอย่างถูกต้อง เพื่อขออนุญาตในการทำเด็กหลอดเเก้ว โดยเปิดทำการมาเเล้วประมาณ 1 ปี ซึ่งถึงเเม้ว่าจะมีการจดทะเบียนถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่า นพ.วิสันต์ มีความผิดในข้อหาไม่กำกับดูแลให้เป็นไปตามข้อประกาศของแพทยสภา ซึ่งว่าด้วยการทำให้มีบุตรโดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ โดยผู้ที่ทำการอุ้มบุญนั้นจะต้องเป็นเครือญาติของผู้ที่มีบุตรยาก และไม่ได้มีการว่าจ้างให้ทำการอุ้มบุญให้ ซึ่ง นพ.วิสันต์ และคลินิกดังกล่าวไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนกุล เจ้าของคลินิก ออลไอวีเอฟ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบหลักฐานภายในคลินิกดังกล่าว อย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบรายชื่อและประวัติคนไข้ว่ามีชื่อของ น.ส.หนูดี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นแม่อุ้มบุญแล้วแท้งอยู่ในแฟ้มประวัติหรือไม่ ซึ่งหากพบว่านพ.วิสันต์ มีความผิดจริง เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีต่อไป