มารดาเหยื่อสาวพิการทางสมอง ร้องกรมคุ้มครองสิทธิฯ คดีวิน จยย. ห้างหน้าบิ๊กซี สาขาอ่อนนุช ลวงลูกสาวไปข่มขืนในพงหญ้าใต้สะพานแยกคลองตัน ถึง 4 ครั้ง ในพื้นที่ สน.พระโขนง แต่คดีไม่คืบ ด้าน ตร. เจ้าของคดียันไม่มีมวยล้ม แต่รอเวลารวบรวมพยานหลักฐานพร้อมทั้งรอผลตรวจจากแพทย์
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรภาพ น.ส.สุพรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี พา น.ส.หมูน้อย (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี บุตรสาว เข้าพบ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กระทรวงยุติธรรม และนายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกสาว ซึ่งถูกวินจักรยานยนต์รับจ้างหน้าบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท 77 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลอกลวงบุตรสาวที่พิการทางสมอง ไปข่มขืน โดยก่อนหน้านี้มารดาได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.พระโขนง แต่เรื่องไม่คืบ และเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือ
น.ส.สุพรรณ เผยว่า ตนกับสามีมีอาชีพขายข้าวแกง และขนมจีนน้ำยารถเข็นบริเวณหน้าห้างบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท 77 มาหลายปีแล้ว โดยมี น.ส.หมูน้อย บุตรสาวที่มีความผิดปกติ หรือพิการทางสมองตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เนื่องจากป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มาคอยช่วยเล็กๆ น้อยๆ เวลาขายข้าวแกง ซึ่งปัจจุบันบุตรสาวมีอาการสมองช้า ความรู้ความอ่านไม่ทันคนอื่น ใครพูดอะไรก็เชื่อหมด ทั้งนี้ บุตรสาวของตนมีบัตรประจำตัวคนพิการที่ออกโดยนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ ออกบัตรเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 53 หมดอายุ 21 ม.ค. 59 ระบุประเภทความพิการทางปัญญา และทางการเรียนรู้ ด้วย
กระทั่งเมื่อต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ตนและสามี เริ่มสังเกตพฤติกรรมคนขับวิน จยย. หน้าบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า อ่อนนุช ที่ชื่อ นายสัญญา หรือ ยา พุ่มเจริญ อายุ 40 ปี ปัจจุบันสวมเสื้อวินเบอร์ 2 โทรศัพท์มาหาลูกสาวตนเวลากลางคืนบ่อยครั้ง ภายหลังจากครอบครัวเข้าบ้านพักไปแล้ว โดยบอกให้บุตรสาวออกมาพบหลายครั้ง ต่อมาวันที่ 13 ส.ค. เวลาประมาณ 22.00 น. ตนเก็บรถเข็นขายข้าวแกงเตรียมกลับบ้านพักที่อยู่ถัดไปไม่กี่ซอย เลยให้ลูกสาวตนนั่งวิน จยย. กลับบ้านไปหาพ่อก่อน โดย น.ส.หมูน้อย ได้นั่งรถ จยย. ของนายสัญญาไป กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง สามีตนโทร.มาบอกว่าลูกสาวเพิ่งถึงบ้าน
น.ส.สุพรรณ กล่าวอีกว่า ตนพยายามสอบถาม น.ส.หมูน้อย ว่าไปไหนมา จนลูกสาวบอกว่านายสัญญา พาไปมีเพศสัมพันธ์บริเวณป่ารกใต้สะพานข้ามแยกคลองตัน ตนจึงซักถามลูกสาวอีก กระทั่ง น.ส.หมูน้อย บอกว่าไปที่ดังกล่าว 4 ครั้งแล้ว โดยเวลามีเพศสัมพันธ์นั้นนายสัญญา จะใช้ผ้าผูกปิดตา และใช้สก๊อตเทปใสปิดปาก ก่อนลงมือร่วมเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย จากนั้นนายสัญญา พยายามหว่านล้อมบุตรสาวตนว่าที่ทำไปเพราะรัก และห้ามบอกใคร ซึ่งลูกสาวตนสมองไม่ดี ถูกหลอกง่าย จึงหลงเชื่อ
ต่อมาวันที่ 16 ส.ค. ตนพาลูกสาวไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.ท.โอปอ โนนทะขันธ์ พงส.สน.พระโขนง ให้ดำเนินคดีกับนายสัญญา ที่ล่อลวงลูกสาวตนไปมีเพศสัมพันธ์ โดยบิดามารดาไม่ยินยอม แต่หลังแจ้งความไปแล้วตำรวจไม่ดำเนินการจับกุมอะไรเลย และ นายสัญญา ก็ยังขับวิน จยย. อยู่ปกติ ประกอบกับเจ้าของวิน และวิน จยย. ดังกล่าวสนิทชิดเชื้อกับตำรวจ สน.พระโขนง ซึ่งตนและครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบถามไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแล้ว ทราบว่าไม่มีการล้มหรือบิดคดี แต่รอพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่นหนา รวมทั้งรอผลตรวจจากแพทย์ว่ามีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และรอผลรับรองจากแพทย์ว่าผู้เสียหายมีความพิการทางสมองหรือไม่ ทั้งนี้ กรมคุ้มครองสิทธิฯจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าคณะกรรมการพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายเหยื่ออาชญากรรมหรือไม่ โดยถ้าเข้าข่าย ทางศูนย์เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม จะสำรองจ่ายเงินเยียวยาให้ แต่เท่าที่ตนฟังมานั้นกรณีนี้เข้าข่ายแน่นอน ซึ่งอาจจะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 3 หมื่นบาท พร้อมให้คำปรึกษากับทนายความกรมคุ้มครองสิทธิฯ เพื่อช่วยเหลือด้านคดีความหรือขึ้นศาล อีกทั้งจะช่วยสอบถามความคืบหน้าคดีไปยัง พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง ด้วย