ศุลกากรจับหนุ่มปากีสถาน เอกซเรย์ช่องท้อง พบแอบซุกเฮโรอีน 20 ก้อน น้ำหนักเกือบครึ่ง กก. มูลค่า 1.2 ล้านบาทเข้าไทย สารภาพรับจ้างขนทำมาแล้ว 7 ครั้ง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (7 ก.ย.) ที่สำนักสืบสวนและปราบปราม ศุลกากรประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 นายเดชา วิชัยดิษฐ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 นายวิศิษฐ์ พีรพัฒนานนท์ หัวหน้าหน่วยสืบสวนปราบปรามที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักสืบสวนและปราบปราม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายมูฮัมหมัด โชเอบ (Mr.MUHAMMAD SHOAIB) อายุ 22 ปี ชาวปากีสถาน พร้อมของกลาง เฮโรอีนน้ำหนัก 380 กรัม มูลค่า 1.2 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
นายธาดา ชุมไชโย ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 กล่าวว่า ตามที่ นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายด้านการควบคุมทางศุลกากรและปกป้องสังคมอย่างเคร่งครัด จึงให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรสำนักสืบสวนและปราบปราม ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นป้องกันและปราบปราม และดำเนินการวางแผนจับกุม กลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ ผ่านทางสนามบิน
จนเมื่อเวลา 08.20 น. ของวันที่ 7 ก.ย. 57 เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม พบ นายมูฮัมหมัด โชเอบ ผู้โดยสารสายการบินไทย เที่ยวบิน TG342 เดินทางมาจากเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน มีอาการพิรุธจึงได้นำตัวมาเอกซเรย์ ก็พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในช่องท้อง จึงให้ถ่ายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวออกมารวมจำนวน 20 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 380 กรัม เมื่อนำไปทดสอบด้วยน้ำยาทดสอบยาเสพติด ผลปรากฏว่า เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน
ผอ.ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า นายมูฮัมหมัด โชเอบ เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง โดยผ่านทางด่านศุลกากรต่างจังหวัด
ซึ่ง นายมูฮัมหมัด โชเอบ ให้การรับสารภาพว่า ได้ค่าจ้างในการส่งยาเสพติดครั้งละ 20,000 บาท เพราะไม่มีงานทำ เพื่อนชาวปากีสถานจึงชักชวนให้มาส่งยาเสพติด โดยจะหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะมีการตรวจค้นที่เข้มงวดโดยนั่งเครื่องบินไปลงยังประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนนั่งรถเข้ามาที่ กทม. โดยทำมาแล้ว 7 ครั้ง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองและนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป