xs
xsm
sm
md
lg

จับแก๊งปากีฯ-สาวไทย ปลอมวีซ่าข้ามชาติ 42 ประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ของกลางที่ถูกตรวจยึดได้
“ดีเอสไอ” บุกจับชาวปากีสถาน 2 ราย เปิดร้านอาหารย่านประตูน้ำบังหน้า ฉากหลังปลอมหนังสือเดินทางกว่า 42 ประเทศ อันกระทบต่อความมั่นคง เผยอยู่ไทยนาน 20 ปี พบมีสองสาวไทยร่วมขบวนการ ขยายผลอาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรข้ามชาติ

วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยถึง ผลการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา กรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม หรือเป็นนอมินี ร่วมกันรับของโจร และร่วมกันปลอม จำหน่ายหนังสือเดินทางปลอม ปลอมเอกสาร โดยตนได้มอบหมายให้นายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดำเนินการสืบสวน จนสามารถจับกุมชาวปากีสถานเจ้าของธุรกิจร้านอาหารใจกลางแหล่งธุรกิจย่านประตูน้ำ กรุงเทพฯ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทยเป็นระยะเวลนานกว่า 20 ปี มีพฤติกรรมคือประกอบธุรกิจร้านอาหารเพื่อบังหน้าธุรกิจการรับซื้อหนังสือเดินทางของประเทศต่างๆ ที่ถูกขโมยมาจากทั่วโลก และหนังสือเดินทางปลอม หรือนำหนังสือเดินทางไปปลอมเพื่อจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่งให้แก่ลูกค้าตามที่ต้องการ อีกทั้งมีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงและก่อการร้ายสากล ร่วมกับส่วนปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ ได้เข้าทำการตรวจค้นห้องเลขที่ 560/201 อาคารเกล้าสยามคอนโด ถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ และร้านโคฮีนูร เรสทอร์รองท์ ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา จำนวน 2 คน ได้แก่ 1. นายชาฮซาด นาซีร บัตต์ หรือบัตต์ (Mr.Shahzad Nazeer Butt) ชาวปากีสถาน อายุ 46 ปี เจ้าของธุรกิจร้านอาหารย่านประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร ในความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม หรือเป็นนอมินี ร่วมกันรับของโจร และร่วมกันปลอม จำหน่ายหนังสือเดินทางปลอม ปลอมเอกสาร และ 2. นายคาวาจา ริซวาน ฮาเลม หรืออาลี หรือ ฮาลีม หรือจานี หรือ จานี่ (Mr.Khawaja Rizwan Haleem) ชาวปากีสถาน อายุ 32 ปี ในข้อหาร่วมกันปลอม และจำหน่ายหนังสือเดินทางปลอม ปลอมเอกสาร

นอกจากนี้ สามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกันกระทำความผิดได้อีก 2 คนคือ1.นางอรวรรณ นาซีร หรือวงศ์ศรี สัญชาติไทย อายุ 37 ปี ภรรยาของนายชาฮซาด นาซีร บัตต์ หรือบัตต์ ในความผิดฐานเป็นกรรมการหุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลต่างด้าว หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิด และ 2. น.ส.นงค์รัก วงศ์ศรี สัญชาติไทย อายุ 45 ปี ในความผิดฐานเป็นกรรมการหุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลต่างด้าว หรือ มิได้จัดการตามสมควรเพื่อมิให้เกิดความผิด

จากการตรวจค้นพบหนังสือเดินทางของประเทศออสเตรีย แผ่นสติกเกอร์วีซ่าเปล่าของประเทศอินเดีย เอกสารแผ่นหน้าข้อมูลบุคคลหนังสือเดินทางของประเทศอิตาลี อุปกรณ์เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจพิสูจน์ แต่ในเบื้องต้นพบไฟล์ข้อมูลภาพเก็บไว้ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของผู้ต้องหา ประกอบด้วย ข้อมูลรูปถ่ายบุคคลสำหรับใช้ติดในหนังสือเดินทาง ข้อมูลแผ่นปะตรวจลงตรา (วีซ่า) รอยตราประทับ บัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ และแผ่นหน้าข้อมูลหนังสือเดินทางของประเทศต่างๆ กว่า 42 ประเทศ มีข้อมูลรวมแล้วมากกว่า 1,500 รายการ รวมทั้งบัญชีเงินฝากธนาคาร และเอกสารประเภทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดี ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกลางจำนวนมาก ประกอบกับมีข้อมูลความเชื่อมโยงกับข้อมูลอาชญากรรม ที่ได้รวบรวมไว้จากผลการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษอาชญากรรมดังกล่าวที่ผ่านมา น่าเชื่อได้ว่าอาจเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับการกระทำความผิดฐานอื่นอีกหลายฐาน โดยเหตุเกิดทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องต่อไป และดำเนินการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมูลหนังสือเดินทาง

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาดีเอสไอได้ดำเนินการเฝ้าระวัง ติดตาม ป้องกันและปราบปราม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องต่ออาชญากรรมที่มีลักษณะความผิดในคดีพิเศษ ทั้งนี้ ผลการสืบสวนคดีพิเศษที่เกี่ยวกับขบวนการค้าหนังสือเดินทางปลอมเครือข่ายข้ามชาติ ได้รับความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้เป็นการสืบสวนขยายผลมาจากพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ผลิต นำเข้า-ส่งออกเอกสารสำคัญ และหนังสือเดินทางต่างประเทศปลอมส่งตลาดการค้าหนังสือเดินทางปลอมระหว่างประเทศเพื่อขายต่อให้กลุ่มอาชญากรนำไปกระทำความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ หรือใช้เป็นประเทศทางผ่าน ที่พำนัก จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ขบวนการค้ามนุษย์ (Human Trafficking) ขบวนการลักลอบขนคนเข้าไปในประเทศที่ 3 (People Smuggling) ขบวนการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานโดยผิดกฎหมาย (Illegal Migrant) ขบวนการก่อการร้าย (Terrorism) หรืออาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆ (Serious Crime) ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้เร่งดำเนินการสืบสวน สอบสวน จับกุมผู้กระทำความผิด และกลุ่มองค์กรอาชญากรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น