แม่อุ้มบุญให้การมัดหมอ “พิสิฐ” ตร.รู้ตัวมืออุ้มทารกหลังคลอด

แม่อุ้มบุญรายที่ 3 เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนมัดหมอเจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ เป็นผู้ฝังตัวอ่อนในมดลูก โดยได้รับค่าจ้าง 3-4 แสนบาท รู้ตัวมือรับเด็กอุ้มบุญหลังทำการคลอดเตรียมขยายผลสาวถึงขบวนการ

วันนี้ (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.ลุมพินี น.ส.จันทรพร (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย น.ส.จันทรพร ให้การว่า ได้รับจ้างทำอุ้มบุญ เมื่อประมาณต้นปี 2556 โดยได้เดินทางเข้าพบ นพ.พิสิฐ ที่คลินิกออลไอวีเอฟ คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสูตินรีเวช ชั้น 12A ห้องเลขที่ 12A04 และชั้น 15 อาคารศิวาเทล ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เพื่อให้ นพ.พิสิฐ ตรวจร่างกาย และผนังมดลูกว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ และได้มีการฝังตัวอ่อน จากนั้นเมื่อครบกำหนดคลอด นพ.พิสิฐ ก็ได้ส่งตัวไปที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท โดย นพ.พิสิฐ เป็นผู้ทำคลอดให้ในวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา และได้ลูกชาย จากนั้นก็นอนพัก ก่อนที่จะมีชายชื่อว่า นายสำราญ ปาสาเนย์ มารับตัวลูกอุ้มบุญไปที่เดอะนิชคอนโด ซ.ลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ได้ค่าจ้าง 3-4 แสนบาท

ด้าน พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เปิดเผยความคืบหน้าคดีอุ้มบุญ ว่า พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำแม่อุ้มบุญทั้ง 11 ราย ก่อนที่จะสรุปสำนวนคดี ขณะที่เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีแม่อุ้มบุญทั้ง 2 ราย ที่ทำอุ้มบุญที่สถานพยาบาลออลไอวีเอฟ เข้าให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อย โดยทั้งคู่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ในส่วนของการสอบปากคำ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ ซึ่งเป็นคนที่ทำการฝังตัวอ่อนทำอุ้มบุญให้นั้น ขณะนี้ได้ประสานไปยังทนายความส่วนตัวของ นพ.พิสิฐ เพื่อขอให้เข้ามาสอบปากคำภายในสัปดาห์นี้

ขณะเดียวกัน ในส่วน น.ส.จันทรพร เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำถึงที่มาที่ไปของว่าได้มีการไปรู้จัก และติดต่อผ่านเพื่อมาทำการอุ้มบุญได้อย่างไร อีกทั้งเริ่มทำการฝังตัวอ่อนเมื่อไหร่ แล้วได้ค่าจ้างเท่าไร เพื่อนำไปประกอบสำนวน ขณะเดียวกัน จะมีการสอบปากคำในประเด็นที่ว่าแพทย์ผู้ทำการคลอดให้นั้นคือใคร เนื่องจากวานนี้ ทาง 2 แม่อุ้มบุญได้ให้ปากคำว่า นพ.พิสิฐ เป็นผู้ทำคลอดให้ด้วยวิธีการผ่าคลอด ที่ รพ.พญาไท 2 ก่อนที่จะมีชายชื่อว่า นายสำราญ ปาสาเนย์ มารับตัวลูกอุ้มบุญไปที่เดอะนิชคอนโด ย่านลาดพร้าว ก่อนที่จะทำการจ่ายเงินค่าจ้าง ซึ่งประเด็นนี้ต้องสอบปากคำแม่อุ้มบุญที่เหลือ เพื่อหาความเชื่อมโยงของขบวนการ อีกทั้งจะมีการเรียกนายสำราญ ปาสาเนย์ มาทำการสอบปากคำหรือไม่นั้น ต้องรอการสอบปากคำแม่อุ้มบุญทั้ง 11 คนให้เสร็จเสียก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่เตรียมหาข้อมูลนายสำราญ ปาสาเนย์ เนื่องจากพบความเชื่อมโยงว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นต่อการทำอุ้มบุญในครั้งนี้ และน่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การคลี่คลายคดี