xs
xsm
sm
md
lg

ศาลไม่รับฎีกา “ร.ต.อ.ปืนโหด” ยิงกิ๊กทหารสาวดับคาร้านอาหาร

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย “อดีตรองสารวัตรธุรการ” ก่อเหตุยิง “กิ๊กทหารสาว” ดับคาร้านอาหาร ชี้ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระ ศาลล่างวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ คงจำคุก 10 ปี ปรับ 1,400 บาทตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

วันนี้ (13 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.647/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 นางสวรรค์ ใจสงัด มารดาของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก ผู้ตาย พร้อมบุตร 2 คนของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 45 ปี อดีตรองสารวัตรธุรการ บก.น.7 ช่วยราชการ สน.เตาปูน เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 2 พ.ย. 2553 จำเลยพาอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไปที่ร้านอาหารอีสานไม่มีชื่อ ริมถนนประชาราษฎร์ 2 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ก่อนใช้ปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด อายุ 39 ปี ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก เพื่อนสาวคนสนิทของจำเลยเข้าที่คิ้วซ้ายทะลุท้ายทอย เสียชีวิตขณะนั่งอยู่ที่ร้านอาหารดังกล่าว

โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 8 คนไปนั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรา ต่อมาจำเลยเกิดความหึงหวงผู้ตายจึงลุกขึ้นชักปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ถึงแก่ความตาย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. 2553 จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมให้การปฏิเสธอ้างว่าปืนลั่น ไม่มีเจตนายิงผู้ตาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2555 ว่าโจทก์มีเพื่อนร่วมงานของผู้ตายเบิกความเป็นพยานทำนองว่า ก่อนเกิดเหตุพยานกับจำเลยและผู้ตายรวมทั้งเพื่อน 8 คน ไปนั่งรับประทานอาหารกันที่ร้านกัญจน์ไก่ย่าง แล้วจึงชวนกันย้ายไปต่อที่ร้านอาหารอีสานที่เกิดเหตุ โดยจำเลยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผู้ตาย ระหว่างนั้นมีเพื่อนผู้หญิงของผู้ตายพูดแซวผู้ตายในทำนองว่าเมื่อคืนไปไหนมา ทำไมกลับดึกถึงเวลา 03.00 น.

ปรากฏว่าจำเลยเลยได้ยินจึงถามผู้ตายถึง 3 ครั้งว่า “ตกลงมึงไปไหนมา” จากนั้นจำเลยได้ลุกขึ้นยืนก่อนชักปืนยิงผู้ตาย 1 นัด ก่อนเดินข้ามถนนขึ้นรถหลบหนีไป ซึ่งจากผลการตรวจชันสูตรศพพบว่า วิถีกระสุนมาจากบนลงล่าง สอดคล้องกับพยานที่ระบุว่าจำเลยอยู่ในท่ายืนยิงขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ การกระทำของจำเลยเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ กระทำไปโดยไม่ยับยั้งความคิด ที่จำเลยต่อสู้ว่าปืนลั่นนั้นมีจำเลยกล่าวอ้างเพียงปากเดียว ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิง จ.ส.อ.หญิง เกสราถึงแก่ความตาย และพกพาปืนของกลางไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะปรับ 2,100 บาท คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ปรับ 1,400 บาท ริบของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน

จำเลยยื่นอุทธรณ์สู้คดี ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จากนั้นจำเลยได้ยื่นฎีกา ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าไม่มีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น ไม่เป็นสาระสำคัญที่จะรับไว้พิจารณา ศาลล่างวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ให้จำหน่ายฎีกาออกจากสารบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยแล้ว คดีจึงถึงที่สุด ซึ่งต้องมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี และปรับ 1,400 บาท









กำลังโหลดความคิดเห็น