ดีเอสไอจับกุมผู้ประกอบกิจการผลิตขายอุปกรณ์ละเมิดลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล 6 จุด ย่านบางบอน มูลค่า 20 ล้านบาท
วันนี้ (6 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงผลการจับกุม นางภวิกา อุสาพรหม เจ้าของร้าน C.D.Sport พร้อมของกลางอุปกรณ์และชุดกีฬาฟุตบอลสโมสรดังต่างประเทศละเมิดลิขสิทธิ์ อาทิ เสื้อฟุตบอล 1,760 ตัว เครื่องจักรผลิตเสื้อกีฬาขนาดใหญ่ 3 เครื่อง เครื่องรีดอัดสติกเกอร์ 10 เครื่อง และแถบสัญลักษณ์ตราสโมสรฟุตบอล 109,483 ชิ้น มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ เผยว่า ดีเอสไอได้รับการร้องทุกข์จาก นายมาร์ค โรว์เลย์ ตัวแทนลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ที่ดูแลสิขสิทธิ์ลิเวอร์พูลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่า ประเทศไทยมีการผลิตเสื้อฟุตบอลลิเวอร์พูลปลอมจำนวนมาก จึงวางแผนและเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 6 จุด ย่านบางบอน กทม. พบเป็นสถานที่เย็บและผลิตเสื้อกีฬาปลอมทุกสโมสรและระดับชาติด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ไปค้นร้าน C.D.Sport ตั้งอยู่เลขที่ 943 จุฬาซอย 11 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. และบ้านเลขที่ 26/11 หมู่9 ซอยดวงมณี ถนนงามวงศ์วาน อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางภวิกา ผู้ต้องหา โดยเจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอุปกรณ์การผลิตเสื้อผ้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งหมด
เบื้องต้นได้แจ้งขอหาผิด พ.ร.บ.ปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและละเมิดลิขสิทธิ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. พูดในรายการ “อาทิตย์สโมสรกับวิษณุ” ทาง TNN 24 ตอน “สภาปฏิรูปจะปฏิรูปอะไรบ้าง” เมื่อเช้าวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า ดีเอสไอออกแบบให้ทำคดีพิเศษที่ตำรวจปกติจะรับมือได้ยาก ไม่ใช่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่เมื่ออยู่ไปมักจะเหมาเอาหลายคดีเข้ามาเป็นคดีพิเศษ จนกระทั่งไปถึงคดีที่ดูแสนจะธรรมดาก็ดึงมาเป็นคดีพิเศษเพื่อจะเอามาทำ คงต้องคิดกันเสียใหม่ว่าตกลงกรมสอบสวนคดีพิเศษตั้งขึ้นมาเพื่อจะทำอะไรแน่ และการปฏิรูประบบราชการ เพราะมีการพูดถึงเรื่องสองมาตรฐานซึ่งจะเท็จหรือจะจริงนั้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตราบใดที่มีคนบ่นอย่างนี้ยังเกิดความไม่พอใจไม่สบอารมณ์ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของระบบราชการ
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ดีเอสไอทำตามกฎหมายและกฎกระทรวงที่ระบุไว้ ไม่ใช่ตนคนเดียวที่จะตัดสินว่าจะรับทำคดีอะไรเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต้องผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองดีเอสไอ และทุกคนมีส่วนในการตัดสินใจทั้งหมด ส่วนดีเอสไอจะถูกยุบหรือปรับโครงสร้างหรือไม่นั้น ให้ทาง สนช. พิจารณาและพูดคุยกันอีกทีหนึ่ง ว่ามีความเหมาะสมที่จะปฏิรูปหรือไม่ ถ้าเป็นโอกาสที่ดีก็ต้องเสนอแก้ไข ทั้งนี้ ตนมารับตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่จนครบวาระ