ตำรวจภูธร 1 แถลงผลจับกุมแก๊งสวมทะเบียนรถ ตระเวนขายรถที่โจรกรรมมาให้เต็นท์รถมือสองในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ตัวผู้ต้องหา 3 ราย
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 และพล.ต.ต.ธวัชชัย ยิ่งเจริญสุข ผบก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายพลภัทร เล็กประยูร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 หมู่ 1 ต.ท่าวังตาล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นายประจักษ์ ทองจันทรา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999 ซอยจามจันทร์ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. และนางปริณดา วงษ์แก้ว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 12 ต.หนองงูเหลือม อ.เบญจลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ พร้อมของกลางรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสวมทะเบียนปลอม จำนวน 3 คัน และเอกสารปลอมต่างๆ จำนวนมาก เช่น ป้ายภาษี สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ บัตรประชาชน โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมาที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในเขตท้องที่ สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการค้ารถยนต์มือสองว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพตระเวนนำรถยนต์เถื่อนปลอมป้ายทะเบียนและสมุดคู่มือรถก่อนนำไปขายตามเต็นท์รถยนต์ในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 โดยพฤติการณ์ของกลุ่มกลุ่มผู้ต้องหาจะมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ได้ร่วมกันนำรถยนต์ซึ่งถูกโจรกรรมมาทำการสวมทะเบียนเป็นรถของผู้อื่น มีการปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับรถ ปลอมป้ายทะเบียน เปลี่ยนเลขตัวถังรถ สมุดคู่มือจดทะเบียน ทำสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านปลอมเพื่ออ้างแสดงตัวเป็นบุคคลเจ้าของรถที่แท้จริงแล้วนำมาหลอกขายให้กับผู้เสียหายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่สืบเสาะหาข้อมูลจนทราบถึงกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวและสามารถจับกุมได้ทั้งหมด
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า กลุ่มคนร้ายที่ถูกจับกุมนี้มีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่เคยถูกจับกุมในเขตจังหวัดลพบุรี โดยลักรถจากพื้นที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ และเชื่อว่าน่าจะเคยทำมาหลายครั้งแล้วโดยทำเป็นขบวนการโจรกรรมรถยนต์นำรถมาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งจะปลอมแปลงเอกสารต่างๆ ก่อนจะนำมาหลอกขายตามเต็นท์รถมือสองต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ก่อนนำตัวไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังมีบุคคลคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศยังแถลงจับกุมอาวุธสงครามประกอบด้วย อาวุธปืนอาก้าแบบพับฐาน จำนวน 1 กระบอก แมกกาซีนปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 ซอง และเสื้อยืดแขนสั้นจำนวน 2 ตัว ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี นำโดย พ.ต.ท.ฉันท วิชัยปะ สว.สส.สภ.ท่าหิน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบอาวุธสงครามถูกซุกซ่อนในกระสอบอาหารหมูถูกนำมาทิ้งอยู่บริเวณถังขยะใกล้สามแยกพรหมมาสตร์ ม. 1 อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบปรากฏว่าพบอาวุธของกลางซุกซ่อนอยู่แต่ไม่พบเจ้าของ คาดว่ามีผู้นำมาทิ้งไว้เนื่องจากเกรงความผิด
ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.อ.สมยศยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ ของ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย นักกิจกรรมคนเสื้อแดง ในเว็บไซต์ยูทิวบ์ชื่อตอนว่า “มีความสุขจนไม่รู้จะพูดยังไง” ว่า เบื้องต้นจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนข้อความที่ น.ส.กริชสุดาพูดนั้นขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังให้ดีว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งตนก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือความสำคัญใดๆ