xs
xsm
sm
md
lg

รวบ เสธ.เจมส์ รีดส่วยผู้ค้าพัฒน์พงศ์ อ้างถูกมาเฟียชุดเก่ากลั่นแกล้ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.เจนณรงค์ เดชวรรณ หรือ “เสธ.เจมส์” ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม (นั่งตะแคงข้าง)
ส.ห.รวบตัว “เสธ.เจมส์” นายทหารสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ฐานเรียกเก็บส่วยผู้ค้าย่านพัฒน์พงศ์ กลางล็อบบี้โรงแรม พร้อมพลเรือนอีก 4 คน ส่งกองปราบฯ สอบสวน พร้อมนำตัว เสธ.ฉาวไปคุมตัวในเขตทหาร ด้านเจ้าตัวอ้างถูกมาเฟียกลุ่มเดิมกลั่นแกล้ง

วันนี้ (30 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร ได้เชิญตัว พล.ต.เจนณรงค์ เดชวรรณ หรือ “เสธ.เจมส์” ผู้ทรงคุณวุฒิประจำสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม กับพวก ประกอบด้วย น.ส.นงนุช สิทธิรัตน์ อายุ 44 ปี นายปานทอง ศิริวรรณ์ อายุ 40 ปี, นางจันทิมา โชติกิตติเกษม อายุ 44 ปี และ น.ส.สุรัตน์ พุ่มพวง อายุ 46 ปี รวม 5 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. เพื่อให้ปากคำ หลังจากถูกร้องเรียนว่ามีส่วนพัวพันกับการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการย่านซอยพัฒน์พงศ์ ถนนสีลม เขตบางรัก

ทั้งนี้ ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน.3 รอ.ได้ร่วมกับทางตำรวจ สน.บางรัก วางแผนสืบสวน โดยทางผู้ค้าได้มีการนำเงินสด 2,000 บาท มาส่งมอบให้กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาที่บริเวณล็อบบี้โรงแรมตะวันนา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงพบ พล.ต.เจนณรงค์เมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกันจึงมีการสอบสวนในเบื้องต้น และลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางรัก ก่อนจะเชิญตัวมาสอบสวนต่อที่ บก.ป. โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.ต.เจนณรงค์เดินทางมาพร้อมรถตู้สีขาวและลงจากรถ ทางเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารได้พยายามขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดถ่ายภาพหรือสัมภาษณ์ใดๆ โดยทาง พล.ต.เจนณรงค์ก็พยายามหลบเลี่ยงก่อนเข้าห้องพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.พร้อมกับพวก 4 คน

ต่อมาทางญาติของ พล.ต.เจนณรงค์ได้ติดตามมาถึง บก.ป. ก่อนจะระบุว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งกัน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ กับสื่อมวลชน นอกจากนี้ยังได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อบันทึกภาพ และถ่ายเป็นคลิปวิดีโอบรรดาสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอทำข่าวด้วย

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ทาง พ.ท.บุรินทร์ได้เชิญตัว พล.ต.เจนณรงค์ กับพวกซึ่งถูกร้องเรียนว่าเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากผู้ประกอบการย่านพัฒน์พงศ์ เขตบางรัก โดยกรณีนี้เป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องการจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยผู้ที่ถูกล่าวหามีทั้งหมด 5 คน เป็นพลเรือน 4 คน โดยในส่วนของพลเรือนจะกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เป็นเวลา 7 วัน ส่วนทาง พล.ต.เจนณรงค์ ฝ่ายทหารจะรับไปดำเนินการเอง โดยจะรับตัวไปควบคุมในพื้นที่ทหาร

รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า สำหรับพลเรือนทั้งหมดเมื่อมีการกักตัวไว้จนครบกำหนดแล้ว ทางทหารจะใช้ดุลพินิจว่าข้อมูลประกอบกับพฤติการณ์ต่างๆ ของผู้ถูกกล่าวหานั้นเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าเป็นความผิดก็จะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป เมื่อพิจารณาว่าเป็นความผิดและมีการร้องทุกข์จึงจะเริ่มกระบวนการสอบสวน จากนั้นก็จะพิจารณาเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำว่าใครมีพฤติการณ์เป็นอย่างไร โดยยืนยันว่าทางพนักงานสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเกี่ยวข้องของ พล.ต.เจนณรงค์กับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเรียกเก็บค่าคุ้มครองดังกล่าว และทำกันมานานแค่ไหน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า สำหรับข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ระหว่างตรวจสอบพร้อมกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏพบ ต่อข้อถามว่านายทหารรายนี้เป็นหัวหน้าขบวนการหรือไม่ พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ตรงนี้คงต้องรอให้การสอบสวนเริ่มต้นดำเนินการก่อน ขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลจึงเป็นเพียงการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนนโยบายของ คสช. และ พล.ต.เจนณรงค์เองก็ยังไม่ได้ให้การ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังมีการสอบปากคำ พล.ต.เจนณรงค์เสร็จสิ้นโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ทาง พล.ต.เจนณรงค์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีนี้สืบเนื่องจากตนได้รับร้องเรียนจากผู้ค้าย่านพัฒน์พงศ์ว่าถูกกลุ่มมาเฟียชุดเก่าเข้ามากดขี่ข่มเหง ตนจึงเข้ามาจัดการกับปัญหา โดยจัดระเบียบให้แก่ผู้ค้าในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้กลุ่มมาเฟียดังกล่าวเสียผลประโยชน์จึงกลั่นแกล้งทำเรื่องร้องเรียนไปยัง คสช.เพื่อดำเนินการกับตน กรณีนี้ตนสามารถชี้แจงได้ และเชื่อมั่นว่าผู้บังคับบัญชาจะรับฟังข้อเท็จจริงของปัญหา

พล.ต.เจนณรงค์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนคงจะต้องนำเรียนต่อ ผบ.ทบ.ต่อไปด้วย อยากจะฝากกับสื่อมวลชนเพื่อเป็นช่องทางที่จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชา ว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของมาเฟียในพื้นที่เดิม เช่นเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น