xs
xsm
sm
md
lg

ฝนรหัสประจำตัวสอบผิด... เกือบหมดสิทธิไปต่อ !

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ประกาศผลสอบแอดมิชชั่น 2557 ซึ่งมีชื่อเต็มๆว่า ระบบกลางคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (Central University Admissions System: CUAS) กันไปแล้ว ต้องขอแสดงความยินดีกับน้องๆ ที่ได้เรียนในคณะและมหาวิทยาลัยตามที่ตั้งใจไว้ แต่สำหรับผู้ที่พลาดไปก็ไม่เป็นไรนะครับ เพราะการศึกษาและความสำเร็จของบุคคลอยู่ที่ตนเองเป็นสำคัญ ในทุกๆ ที่ยังมีสิ่งดีดีให้เราเรียนรู้เสมอ...

พูดถึงเรื่องการสอบ... ไม่ว่าจะเป็นการสอบวัดผลประเภทไหนและวัยใด หรือแม้จะผ่านสนามสอบมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่พอถึงเวลาเข้าห้องสอบทีไร... เชื่อว่าผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ก็ยังอดที่จะตื่นเต้นหรือเกิดอาการเกร็งไม่ได้ ซึ่งแต่ละคนก็ต้องหาวิธีการเฉพาะตัวที่จะจัดการเพื่อให้เกิดสมาธิในการทำข้อสอบ รวมทั้งสมาธิในการกรอกรายละเอียดหรือการฝนรหัสต่างๆ บนกระดาษคำตอบ ซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ความระมัดระวังและความละเอียดรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีปัญหาเช่นคดีของครูแอนและครูสอง ดังอุทาหรณ์ที่ครองธรรมนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ครับ

เรื่องมีอยู่ว่า...ครูแอนและครูสองได้สมัครเข้ารับการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งจะต้องมีการสอบภาค ก ภาค ข และภาค ค โดยในการสอบภาค ก คือสมรรถนะและความรู้ความสามารถทางการบริหารนั้น ได้กำหนดให้มีการสอบใน 2 วิชา ได้แก่ วิชาความรู้ความสามารถด้านการบริหารงานในหน้าที่ และวิชาสมรรถนะทางการบริหาร

เมื่อถึงกำหนดวันสอบภาค ก ครูแอนและครูสอง ได้เดินทางมาสอบด้วยหวังว่าจะได้มีโอกาสเติบโตเป็นผู้บริหารสถานศึกษา แต่พอถึงวันประกาศผลสอบ กลับไม่ปรากฏชื่อครูแอนและครูสองเป็นผู้สอบผ่านภาค ก ทั้งที่คิดว่าตัวเองก็ทำข้อสอบได้ จึงพากันไปขอดูคะแนนสอบ ทำให้ทราบว่าทั้งคู่ได้คะแนนสอบสองวิชาผ่านเกณฑ์ภาค ก แต่เนื่องจากได้ระบายหรือฝนรหัสประจำตัวสอบในกระดาษคำตอบวิชาหนึ่งพลาดไป แม้เครื่องตรวจจะได้ตรวจให้คะแนนในกระดาษคำตอบแล้วก็ตาม แต่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่นำผลคะแนนของวิชาดังกล่าวมารวมเป็นผลคะแนนสอบภาค ก อันเป็นเหตุให้ครูแอนและครูสองต้องสอบไม่ผ่านภาค ก นั่นเอง

ครูทั้งสองคนจึงได้มีหนังสือขอให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทบทวนการตรวจกระดาษคำตอบ แต่เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานยืนยันตามเดิมโดยอ้างว่า ความผิดพลาดดังกล่าวเป็นความบกพร่องที่เกิดจากตัวผู้สอบเอง ซึ่งตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการและแนวปฏิบัติในการตรวจกระดาษคำตอบและประมวลผลการสอบแข่งขันด้วยเครื่องจักร ลงวันที่ 13 ก.พ.33 ได้มีข้อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจดูว่ามีการลงรหัสวิชาและรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบครบถ้วนหรือไม่ ก่อนจะเก็บกระดาษคำตอบเท่านั้น โดยไม่ได้มีหน้าที่ต้องตรวจสอบว่ามีการฝนรหัสถูกต้องหรือไม่ อีกทั้งหลังจากที่เก็บกระดาษคำตอบแล้วจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงรหัสวิชาและรหัสประจำตัวของผู้เข้าสอบทุกกรณี ซึ่งผู้เข้าสอบรายอื่นๆ หากเกิดกรณีเช่นนี้ก็จะถูกตัดสิทธิในวิชานั้นๆ เช่นเดียวกัน อีกทั้งในการคัดเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่ผู้บริหารสถานศึกษา จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบด้วย

ครูแอนและครูสองไม่เห็นด้วยจึงนำเรื่องมาฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เพิ่มรายชื่อตนเป็นผู้สอบผ่านภาค ก พร้อมนี้ได้มีคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยขอให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองเป็นผู้มีสิทธิเข้าสอบภาค ข และภาค ค ไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้วได้มีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวให้ตามที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองร้องขอ ครูแอนและครูสองจึงมีสิทธิเข้าสอบภาค ข และ ค ไปก่อน...

สำหรับในส่วนเนื้อหาของคดี ซึ่งมีประเด็นที่ศาลพิจารณาว่า ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านภาค ก ในการคัดเลือกข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ที่ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองรายเป็นผู้สอบไม่ผ่าน เนื่องจากฝนรหัสประจำตัวสอบผิดพลาดนั้น เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

โดยประกาศผลการสอบดังกล่าว ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามนัยมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2540) ออกตามความใน พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยวางหลักในประเด็นที่พิพาทไว้ว่า การคัดเลือกข้าราชการครูเพื่อดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษานั้น เป็นการทดสอบความรู้ความสามารถของผู้เข้ารับการคัดเลือก การกระทำที่จะมีผลถึงขนาดให้การทดสอบดังกล่าวเสียไป ต้องเป็นการกระทำที่กระทบสาระสำคัญของการทดสอบความรู้ความสามารถ เช่น การทุจริตในการสอบ การฝนรหัสประจำตัวสอบผิดพลาดนั้น ไม่เป็นการกระทบต่อสาระสำคัญของการทดสอบความรู้ความสามารถของผู้เข้าสอบแต่อย่างใด เพียงแต่การฝนรหัสผิดอาจทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีไม่สะดวกหรือเกิดความล่าช้าในการตรวจและประมวลผลคะแนนเท่านั้น หากแต่ก็ไม่ได้ทำให้สาระสำคัญของการคัดเลือกต้องเสียไป

การที่ผู้ถูกฟ้องคดีอ้างแนวปฏิบัติในการตรวจกระดาษคำตอบและประมวลผลการสอบแข่งขันด้วยเครื่องจักร ลงวันที่ 13 ก.พ.33 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสอบแข่งขันเป็นไปด้วยความถูกต้อง บริสุทธิ์ ยุติธรรม และเพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจให้คะแนน เพราะจะได้ไม่ต้องให้เจ้าหน้าที่มาตรวจให้คะแนนกระดาษคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งแนวปฏิบัติดังกล่าวถือเป็นระเบียบภายในเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจกระดาษคำตอบและประมวลผลการสอบเท่านั้น การนำแนวปฏิบัติดังกล่าวมาตัดสิทธิในผลคะแนนสอบของผู้ฟ้องคดีทั้งสองราย จึงเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ทางกฎหมายของการทดสอบความรู้ความสามารถเพื่อคัดเลือกเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547

อีกทั้งในเวลาต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้มีการกำหนดแนวปฏิบัติการดำเนินการสอบ ภาค ก อีกฉบับ ขึ้นใช้บังคับในปี 2552 ซึ่งได้กำหนดให้กรรมการกำกับห้องสอบมีหน้าที่ตรวจสอบการลงรหัสวิชาและรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบ เพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบแทนกัน ซึ่งกรรมการจะต้องตรวจสอบการฝนหรือระบายรหัสประจำตัวสอบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และตรงกับเลขรหัสประจำตัวสอบและตัวบุคคลที่เข้าสอบ

ดังนั้น เมื่อเกิดกรณีปัญหาเกี่ยวกับการฝนรหัสผิดพลาดดังกล่าวขึ้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องนำแนวปฏิบัติในการสอบทั้งสองฉบับ คือ ฉบับลงวันที่ 13 ก.พ.33 และฉบับปี พ.ศ.2552 มาใช้ประกอบกัน ฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่คุมสอบมีหน้าที่ต้องตรวจสอบความถูกต้องของการฝนรหัสด้วย เมื่อมีกรณีผู้เข้าสอบฝนรหัสผิดเกิดขึ้น จึงไม่อาจถือว่าเป็นความผิดพลาดของผู้เข้าสอบแต่เพียงฝ่ายเดียว
 
ฉะนั้น คำสั่งที่ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองรายเป็นผู้สอบไม่ผ่านภาค ก ในการสอบคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาตามกรณีที่พิพาทนั้น จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนเฉพาะในส่วนที่ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองรายเป็นผู้สอบไม่ผ่าน (คดีหมายเลขแดงที่ อ.541/2556)
 
เท่ากับว่า... ครูแอนและครูสอง ถือเป็นผู้สอบผ่านภาค ก ในการทดสอบดังกล่าวแล้ว และคำวินิจฉัยของศาลในคดีนี้ ได้วางหลักและชี้ให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายในการสอบคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่การวัดความรู้ความสามารถของผู้สอบ ซึ่งก็คือผลการสอบ การฝนรหัสประจำตัวสอบผิดไม่เป็นการกระทบต่อสาระสำคัญในการทดสอบ จึงไม่อาจนำมาตัดสิทธิและโอกาสของครูแอนและครูสอง ในการที่จะวัดความรู้ความสามารถเพื่อเป็นผู้บริหารสถานศึกษาได้นั่นเองครับ...


ครองธรรม ธรรมรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น