รอง ผบช.น.แถลงข่าวจับกุม 2 มือปืนรับจ้างหนีคดีฆ่าคนตายไปกบดานอยู่ประเทศพม่า หลังประสานทางการพม่าให้ช่วยติดตามส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย สารภาพรับการว่าจ้างจากนักโทษคดียาเสพติดในเรือนจำที่จับได้ว่าแฟนสาวนอกใจแอบไปคบหากับผู้ตาย จ่อล่ามือชี้เป้าที่กำลังหลบหนีอีก 1 ราย
วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น. พ.ต.อ.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พัฒนา ปรีชานันท์ ผกก.สส.บก.น.9 ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.น.9 และชุดสืบสวน สน.เพชรเกษม ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัว นายประวิทย์ ยุทธยา หรือวิทย์ หรือวิน อายุ 25 ปี มือปืน ชาว จ.ชัยภูมิ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่330/2557 ลงวันที่ 1 พ.ค. 2557 และตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร จ.139/2553 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2553 และนายมณเฑียร สนธิชัยวรานนท์ หรือป๊อบ อายุ 28 ปี ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 331/2557 ลงวันที่ 29 เม.ย. 2557 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และร่วมกันมีอาวุธปืนและในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.พัฒนากล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.น.9 ได้ร่วมกันออกติดตามคนร้ายดังกล่าว จนทราบว่าตัวคนร้ายคือนายประวิทย์ มือปืน และนายมณเฑียร ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ โดยหลังก่อเหตุผู้ต้องได้หลบหนีการจับกุมไปกบดานที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอท่าขี้เหล็ก จังหวัดเชียงตุง ประเทศพม่า จึงผสานงานกับฝ่ายทหาร-ตำรวจและทางการพม่า ก่อนจับตัวคนร้ายทั้ง 2 รายดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง หลังจากนั้นจะส่งตัวให้กับชุดสืบสวนมาดำเนินคดี
จากการสอบสวนทั้งคู่รับสารภาพว่าได้รับการจ้างวานจากนายมนธนะ ปวีณธนาภัทร์ หรือ เอ ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ซึ่งอยู่ระหว่างจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯที่ถูกเจ้าหน้าที่ สน.สำเหร่ จับกุมได้เมื่อปี 2551 ภายหลังจากนายเอทราบว่าแฟนสาวได้คบหากับผู้ตาย จึงเกิดความโกรธแค้น และจ้างวานคนร้ายทั้ง 2 คนไปก่อเหตุโดยมีนายชลนานนท์ ดาราอัมพรสิน ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีเป็นคนชี้เป้า เบื้องต้นคาดว่าทั้งหมดอาจจะรู้จักกันเพราะเป็นเครือข่ายยาเสพติด นอกจากนี้พบว่านายประวิทย์ยังได้ก่อคดียิงผู้อื่นจนถึงแก่ความตายเมื่อปี 2553 ในพื้นที่ สภ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งหลังจากนี้ต้องสืบสวนสอบสวนเพื่อหารายละเอียดอีกครั้ง