xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ไฟเขียว สตช.สร้างโรงพักทดแทน 181 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สตช.เดินหน้าก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 181 แห่งทันที หลังได้รับอนุมัติงบประมาณจาก คสช.

วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ขณะนี้ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรแต่ละจังหวัดที่การก่อสร้างสถานีตำรวจยังค้างอยู่ จำนวน 181 แห่ง เดินหน้าจัดประกวดราคาตามขั้นตอนราชการได้ทันที เพราะมีเงินงบประมาณเหลือจากโครงการเดิม 2,400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถจัดจ้างได้ภายใน 2 เดือน และก่อสร้างได้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ส่วนสถานีตำรวจที่เหลืออีก 215 แห่ง ได้เตรียมตั้งเสนอของบประมาณปี 2558-2559 ไว้แล้วอีกประมาณ 4,000 ล้านบาท หากได้รับอนุมัติงบประมาณแล้วคาดว่าการก่อสร้างสถานีตำรวจทุกแห่งจะเสร็จสิ้นภายในปี 2559 ขณะเดียวกันจะมีการรวบรวมค่าเสียหายหลังจากบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ผิดสัญญาการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ทั้งเงินค่าปรับ ค่าส่วนต่างการก่อสร้าง และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดอาคารที่ทําการสถานีตํารวจ (ทดแทน) ที่จำเป็นเร่งด่วน จํานวน 181 หลัง ในงบประมาณ 2,459,093,166 บาท ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) มี 9 หลัง ตั้งงบฯ 141,413,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.ชัยนาท หลัง, อ่างทอง 2 หลัง, ปทุมธานี 2 หลัง, ลพบุรี 2 หลัง และสระบุรี 2 หลัง บช.ภ.2 มี 7หลัง ตั้งงบฯ 117,119,500 บาท แยกเป็น ภ.จว.ตราด 1 หลัง, ระยอง 1 หลัง, สระแก้ว 1 หลัง, ฉะเชิงเทรา 1 หลัง, ชลบุรี 1 หลัง และปราจีนบุรี 2 หลัง

บช.ภ.3 จำนวน 19 หลัง ตั้งงบฯ 220,850,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.ยโสธร 2 หลัง, สุรินทร์ 10 หลัง, นครราชสีมา 2 หลัง, บุรีรัมย์ 2 หลัง, ชัยภูมิ 1 หลัง, ศรีสะเกษ 2 หลัง

บช.ภ.4 จำนวน 48 หลัง ตั้งงบฯ 724,639,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.ขอนแก่น 3 หลัง, มุกดาหาร 3 หลัง, เลย 6 หลัง, บึงกาฬ 2 หลัง, อุดรธานี 2 หลัง, กาฬสินธุ์ 9 หลัง, นครพนม 4 หลัง, ร้อยเอ็ด 6 หลัง, สกลนคร 8 หลัง, หนองคาย 2 หลัง, มหาสารคาม 2 หลัง, หนองบัวลําภู 1 หลัง

บช.ภ.5 จำนวน 34 หลัง ตั้งงบฯ 346,818,300 บาท แยกเป็น ภ.จว.พะเยา 3 หลัง, แพร่ 8หลัง, ลําปาง 4 หลัง, เชียงราย 8 หลัง, เชียงใหม่ 3 หลัง, แม่ฮ่องสอน 4 หลัง, น่าน 3 หลัง, ลําพูน 1 หลัง

บช.ภ.6 จำนวน 36 หลัง ตั้งงบฯ 453,406,366 บาท แยกเป็น ภ.จว.ตาก 8 หลัง, นครสวรรค์ 4 หลัง, พิจิตร 3 หลัง, พิษณุโลก 5 หลัง, เพชรบูรณ์ 6 หลัง, สุโขทัย 1 หลัง, อุตรดิตถ์ 3 หลัง, อุทัยธานี 4 หลัง, กําแพงเพชร 2 หลัง

บช.ภ.7 จำนวน 17 หลัง ตั้งงบฯ 181,066,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.กาญจนบุรี 3 หลัง, นครปฐม 1 หลัง, ประจวบคีรีขันธ์ 6 หลัง, ราชบุรี 3 หลัง, สุพรรณบุรี 3 หลัง, เพชรบุรี 1 หลัง

บช.ภ.8 จำนวน 4 หลัง ตั้งงบฯ 83,432,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.สุราษฎร์ธานี 3 หลัง, ชุมพร 1 หลัง และ บช.ภ.9 จำนวน 1 หลัง ที่ ภ.จว.สงขลา งบประมาณ 8,984,000 บาท และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ 6 หลัง ตั้งงบฯ 181,365,000 บาท แยกเป็น ภ.จว.นราธิวาส 3 หลัง ปัตตานี 1 หลัง และยะลา 2 หลัง

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวถึงกรณีการนำเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของ พญ.พรทิพย์ โรจนสุนันทน์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่หนึ่งในนั้นเสนอให้แยกสถาบันนิติเวชวิทยาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มารวมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง โดย พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เป็นแนวความคิดหนึ่งที่ทุกคนมีสิทธิเสนอความเห็น แต่ส่วนตัวเห็นว่ามาตรฐานของสถาบันนิติเวชวิทยาเป็นไปตามมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับ การปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติใหม่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสังกัด เพราะยังไม่ปัญหาใดๆ อีกทั้งยังถือเป็นกลไกสำคัญในการพิสูจน์ทราบทางกฎหมายให้แม่นยำมากขึ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเล็งเห็นความสำคัญในจุดนี้ และพร้อมจะพัฒนาเครื่องมือและศักยภาพของสถาบันนิติเวชวิทยาอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น