ทหารคุมสมุนแดงตะวันออกดำเนินคดี - “สหายสุดซอย” โผล่ปัดโดนอุ้มฆ่า

ทหารคุมตัวลูกน้องแกนนำเสื้อแดงภาคตะวันออก คนสนิท “ทักษิณ” พร้อมอาวุธปืน 11 มม.กระสุนกว่า 70 นัด ส่งกองปราบฯ ประสานส่งตัวดำเนินคดีที่ชลบุรี เจ้าตัวอ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ด้าน “สหายสุดซอย” แฟนสาวที่มีข่าวลือว่าถูกทหารอุ้มหาย โผล่ตัวแล้ว ยันทหารดูแลดีและอยากเก็บตัวในค่ายทหารเพื่อความปลอดภัยตนเอง เลยไม่ได้ส่งข่าวใคร ล่าสุดโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วยังมีชีวิตอยู่ปลอดภัยดี



วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมกำลังสารวัตรทหาร ได้ควบคุมตัว นายอภิรัฐ ศรีปัตเนตร หรือแมว อายุ 26 ปี ลูกน้องนางมนัญชยา เกศแก้ว หรือเมย์ แกนนำคนเสื้อแดงภาคตะวันออก และเป็นคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่บ้านเลขที่ 30 ต.รุ่งระวี อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อประสานส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี โดยมี น.ส.กริชสุดา คุณะแสน อายุ 27 ปี หรือ “เปิ้ล สหายสุดซอย” แฟนสาวของนายอภิรัฐ เดินทางมาเพื่อประสานเรื่องการประกันตัวนายอภิรัฐ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทหารได้เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 9/74 หมู่บ้านบางแสนมหานคร ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ของนางมนัญชยา เกศแก้ว บ้านพักเป้าหมาย พบแผ่นซีดีมีเนื้อหาเข้าข่ายปลุกระดมหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เอกสารการติดต่อซื้อขายอาวุธสงคราม เช่น ปืนอาก้า เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 และระเบิดสังหารนับ 100 รายการ เสื้อผ้าสัญลักษณ์การชุมนุมทางการเมือง นอกจากนี้ยังพบตัว น.ส.กริชสุดา หรือเปิ้ล สหายสุดซอย เลขาฯ ของนางมนัญชยา เกศแก้ว และนายอภิรัฐ แฟนหนุ่ม

นอกจากนี้ ระหว่างการตรวจค้นบ้านพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนขนาด 11 มม.พร้อมกระสุนรวม 70 นัด ภายในรถยนต์ของนายอภิรัฐ จึงมีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนายอภิรัฐให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่รู้ว่าอาวุธปืนและกระสุนทั้งหมดเป็นของใคร

ด้าน น.ส.กริชสุดา ที่ถูกเชิญตัวไปสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.และมีกระแสข่าวลือออกมาทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าถูกทหารอุ้มไปฆ่านั้น กล่าวว่า ทหารได้เชิญไปสอบปากคำเท่านั้นและไม่ได้ถูกทหารทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด และตลอดเวลาที่ถูกกักตัวไว้ก็สบายดี ไม่ได้หายสาบสูญไปตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ที่ตนอยู่เกินกำหนดนั้นเพราะไม่อยากออกมาข้างนอก เกรงจะวุ่นวายและไม่ปลอดภัยจึงขออยู่ในค่ายทหารต่อโดยไม่ได้บอกใครแม้แต่พ่อแม่และเพื่อนๆ ทำให้ทุกคนเป็นห่วง

“หลังทราบข่าวว่าหนูถูกอุ้มไปฆ่าจากปากทหารหญิงที่ดูแลอยู่ หนูก็รู้สึกแปลกใจ เพราะตัวเองอยู่สบายดี ทหารเขาดูแลอย่างดี จึงอยากให้ประชาชนทั่วไปใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสารอย่าเพิ่งหลงเชื่อข้อมูลที่ส่งต่อๆ กัน ที่ผ่านมาก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวดังกล่าว แต่หนูก็ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้วว่ายังสุขสบายดี ไม่ได้หายตัวไปแต่อย่างใด” น.ส.กริชสุดากล่าว