“หนุ่ม คงกระพัน” พร้อมภรรยาหอบหลักฐานร้องกองปราบฯ จับสาว 18 มงกุฎแอบอ้างเป็นภรรยาหลอกขายของสินค้าออนไลน์ มีผู้เสียหายแล้ว 4-5 ราย ความเสียหายกว่า 2 แสนบาท ด้านตำรวจเตรียมตรวจสอบไอพีและรวบรวมพยานหลักฐานก่อนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายคงกระพัน แสงสุริยะ หรือ “หนุ่ม คงกระพัน” ดารานักแสดงและพิธีกรชื่อดัง พร้อมด้วยนางปาณิศา หรืออุ้ม ชัยคณารักษ์กูล ภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างชื่อนางปาณิศา หลอกขายสินค้าต่างๆ เช่น เสื้อผ้าเด็ก เครื่องใช้ของผู้หญิง ผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม รวมถึงเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ จนมีผู้หลงเชื่อสั่งซื้อสินค้าและโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าเข้าบัญชีธนาคาร สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
นายคงกระพันกล่าวว่า ภรรยากับตนไม่เคยขายสินค้าผ่านทางออนไลน์แต่อย่างใด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการแอบอ้างชื่อภรรยาไปใช้ทำให้เกิดความเสียหาย เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเราแต่งงานกันได้แค่คืนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีเฟซบุ๊กเข้ามาถามว่ารู้จักผู้หญิงคนที่ขายสินค้าดังกล่าวหรือไม่ ช่วยรบกวนให้เขาโอนเงินมาคืนด้วย หลังจากนั้นเพื่อนๆ ของภรรยาในเฟซบุ๊กก็มาบอกว่าภรรยาตนไม่เคยขายของออนไลน์ เขาทำโรงเรียนสอนภาษา ก็ได้อธิบายไป แต่ก็พบว่ามีผู้เสียหายเพิ่มอีกหลายรายอ้างว่าโดนหลอก คนที่หลอกอ้างชื่อว่าเป็นแฟนของหนุ่ม คงกระพัน หลังจากนั้นก็ปิดเว็บไซต์หนีไปเลย
นายคงกระพันกล่าวต่อว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้ติดต่อกับผู้เสียหายหลายรายเพื่อชี้แจง ไม่ทราบว่าเป็นการเข้าใจผิดกันหรือไม่ และได้ขอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ เพราะถ้าไม่แจ้งความจะไม่มีเจ้าทุกข์ เราก็จะเสียชื่อเสียงอยู่อย่างนี้ และหลังจากได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ที่นับถือแล้ว ตนกับภรรยาจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเช่นกัน และอยากจะวิงวอนว่า ถ้าเกิดมีท่านใดเคยถูกแอบอ้างว่าเป็นแฟนหนุ่ม คงกระพัน หลอกขายสินค้า ให้โอนเงินแล้วหายไปเลยก็ขอให้ไปแจ้งความ เราก็น่าจะได้มาตามหาคนผิดด้วยกัน เพราะถ้าปล่อยไว้เขาก็จะไปทำอย่างนี้กับคนอื่นๆ อีก ขณะนี้ที่พบก็มีผู้เสียหายบางรายเสียหายเป็นเงินหลายหมื่นบาท
หนุ่ม คงกระพันกล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีผู้เสียหายกี่ราย แต่ที่คุยๆ กันผ่านทางเฟซบุ๊ก และเห็นในโซเชียลมีเดียต่างๆ มีประมาณ 4-5 ราย ส่วนสินค้าที่เขานำมาหลอกขายก็มีทั้งเสื้อผ้าเด็ก สิ่งของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมีรายหนึ่งสูญเงินไปประมาณ 20,000 บาท และได้ไปแจ้งความไว้ คือจริงๆ เขาก็มีฐานะดี มีอันจะกิน แต่เขินที่ถูกหลอก เราก็บอกว่าพี่แจ้งความเลย แล้วส่วนใหญ่ผู้เสียหายก็จะอยุ่แถบภาคอีสาน ไม่ว่าจะที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.กาฬสินธุ์ หรือ จ.อุดรธานี อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่าผู้ที่อ้างชื่อภรรยาเขาใช้รูปจริงของตัวเองหรือไม่ หรือใช้ข้อมูลต่างๆ เช่น บัญชีธนาคารในชื่อใคร ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเหลือในการตรวจสอบ
“ผมเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน หรืออาจมีหลายคนที่ร่วมมือกันหลอกลวง ที่ผ่านมาก็ได้ให้เพื่อนที่รู้จักล่อซื้อ เขาก็จะลิงก์ไปที่เว็บไซต์ที่มีการเปิดขายสินค้าเหล่านี้ ตอนนี้พอจะทราบชื่อและนามสกุลของผู้ที่แอบอ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าเขาใช้ชื่อและนามสกุลจริงหรือไม่” หนุ่ม คงกระพันกล่าว
นายคงกระพันกล่าวด้วยว่า ข้อมูลต่างๆ เท่าที่พอหาได้ก็จะมอบให้ทางตำรวจได้ตรวจสอบ และสืบสวนสอบสวนคิดว่าไม่น่ายากเพราะทาง บก.ป.ก็เคยทำคดีประเภทนี้มาหลายคดี และมีอำนาจสืบสวนสอบสวนทั่วประเทศ ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นภรรยาตนจริง อาจเป็นเพราะเขาได้เห็นภาพงานแต่งของตนกับภรรยา เพราะบางทีรูปที่เราถ่ายเสร็จก็เอาไปลงเฟซบุ๊ก ลงอะไรเหล่านี้ก็ถูกนำไปเผยแพร่ต่อ เรื่องมันน่าจะเกิดตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา เรื่องมาแดงขึ้นมาหลังจากเราแต่งงานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้ในเบื้องต้น โดยมอบหมายให้ ร.ต.ท.โอภาส บำรุงกิจ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ได้สอบปากคำและตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งไอพีแอดเดรส ชื่อที่ใช้ในเฟซบุ๊กว่าใครเป็นผู้เปิดใช้ มีตัวตนจริงหรือไม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท และข้อหาฉ้อโกง จากนั้นก็คงต้องตรวจสอบจำนวนผู้เสียหายว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วย อย่างไรก็ดี กรณีนี้เชื่อว่าน่าจะสามารถติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้เพราะมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน
