ตำรวจสำโรงเหนือ จับกุมอดีตนักกีฬาผาดโผนประเทศไทย ร่วมกระบวนการฉ้อโกง ใช้กลยุทธ์อ้างเป็นบุคคลอื่นตระเวนเปิดบัตรเครดิต หลังธนาคารอนุมัติรีบเบิกเงินสดทันที ผู้เสียหายหลายรายเจอบิลเรียกเก็บเงินย้อนหลังถึงเครียดจัด ตำรวจเร่งขยายผล
วันนี้ (14 พ.ค.) พ.ต.ท.ณรงค์ ชนะภัยกุล รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ มอบหมายให้ พ.ต.ท.รักศักดิ์ เมฆจินดา สว.สส. ร.ต.อ.วัฒนะ สอนดี รอง สว.สส. ร.ต.อ.พัสชัย เจริญสาคร รอง สว.สส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน จับกุมนายณัฐวัฒน์ จิตพร้อมเมตตา อายุ 27 ปี ขณะพักอยู่ในบ้านเช่า ย่านซอยทองหล่อ 20 ก่อนคุมตัวกลับโรงพักเพื่อสอบปากคำ
พ.ต.ท.รักศักดิ์ เมฆจินดา สว.สส. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตำรวจได้แจ้งจาก นายธัญทัต คงเถลิงศิริวัฒนา อาชีพทำธุรกิจส่วนตัว ให้การว่า ถูกแอบอ้างนำชื่อ-นามสกุล ไปทำบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น มีผู้นำบัตรดังกล่าวไปถอนเงินสดออกไปจำนวนกว่า 300,000 บาท โดยต่อมาธนาคารได้มาเรียกเก็บเงินดังกล่าว จึงเข้าไปชี้แจงกับทางธนาคาร
ต่อมาตำรวจพบข้อมูลว่า มีผู้ใช้ชื่อ นายธัญทัต ไปขอเปิดใช้บริการระบบโทรศัพท์แบบลงทะเบียนรายชื่อ ก่อนนำข้อมูลบุคคลและเบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งเปิดใช้ของผู้เสียหาย ไปทำธุรกรรมกับธนาคารเพื่อขอเปิดใช้บัตรเครดิต เมื่อธนาคารมีการอนุมัติบัตรดังกล่าว คนร้ายก็จะสวมรอยใช้ชื่อผู้เสียหายเปิดใช้บัตรก่อนไปรูดเงินสดจนเต็มวงเงินพร้อมหลบหนีไป กระทั่งตำรวจร่วมกับบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และธนาคารดังกล่าว ได้ประสานข้อมูลร่วมกัน ก่อนตรวจสอบพบว่าผู้เดินเรื่องทำธุรกรรมต่างๆ คือ นายณัฐวัฒน์ จึงติดตามจับกุมตัว
ด้าน นายณัฐวัฒน์ ให้การว่า มีผู้ว่าจ้างให้นำข้อมูลบุคคลตระเวนไปขอเปิดใช้เลขหมายโทรศัพท์มือถือของระบบเครือข่ายต่างๆ โดยให้อ้างว่าเป็นบุคคลเหล่านั้น เมื่อได้เบอร์แล้ว ก็ให้ไปยื่นเปิดใช้บัตรเครดิตของหลายธนาคาร โดยทำมาแล้ว 5 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท แต่เมื่อบัตรมีการอนุมัติออกมาแล้ว ผู้ว่าจ้างของตนจะรับนำบัตรไปดำเนินการต่อส่วนตัวไม่ทราบว่าเอาไปใช้ทำอะไร
“ส่วนที่ต้องมารับจ้างกระทำดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นนักกีฬาผาดโผน หรือ เอ็กซ์ตรีม เคยคว้าแชมป์ในการแข่งขันทั่วประเทศ ในอันดับที่ 3 เมื่อปี 2554 แต่หลังจากนั้น สภาพร่างกายไม่ปกติเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บจึงต้องถอนตัวออกจากวงการ”
พ.ต.อ.ภูมินทร์ สิงหสุต ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องแยกองค์ประกอบการทำคดีอย่างละเอียด โดยเรื่องแรกเป็นคดีฉ้อโกง ระหว่างผู้เสียหายที่ถูกนายณัฐวัฒน์นำชื่อไปแอบอ้างเปิดใช้เบอร์โทรศัพท์และบัตรเครดิต ส่วนคดีต่อมาเป็นคดีระหว่างเจ้าของบริษัทเครือข่ายมือถือ กับนายณัฐวัฒน์ และผู้อยู่เบื้องหลัง และคดีสุดท้ายเป็นคดีระหว่าง ผู้เสียหายและธนาคาร พร้อมด้วยนายณัฐวัฒน์
ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ระบุเพิ่มเติมว่า คดีนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการก่ออาชญากรรมรูปแบบใหม่ โดยคนร้ายว่าจ้าง นายณัฐวัฒน์ ให้นำชื่อปลอมไปเปิดหมายเลขโทรศัพท์และทำบัตรเครดิต เมื่อบัตรอนุมัติ นายณัฐวัฒน์ ก็จะนำบัตรส่งให้แก่ผู้ว่าจ้าง ซึ่งผู้ว่าจ้างดังกล่าวจะโทรศัพท์ไปเปิดใช้บัตรที่ธนาคาร โดยนำข้อมูลบุคคลของผู้เสียหายเป็นการยืนยัน เมื่อยืนยันเสร็จสิ้นก็จะกดเงินโดยทันที ซึ่งก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท