xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "ฟ้า-นาตาลี เกลโบว่า" ในวันนี้ที่เธอเรียกเมืองไทยว่า “บ้าน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>Celeb Online เรามีนัดพูดคุยอัปเดตทุกเรื่องราวกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกอย่าง “นาตาลี เกลโบว่า” หรือที่คนไทยมักจะเรียกชื่อเธอกันติดปากว่า “ฟ้า” เจ้าของมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส ประจำปี 2005 สาวตาน้ำข้าวชาวแคนาเดียนเพียงหนึ่งเดียวที่ครองใจคนไทยทั้งประเทศตลอดมา ไม่ใช่เพียงเพราะความงามดีกรีระดับนางงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะจิตใจอันงดงามของเธอด้วยเช่นกัน ณ วันนี้สาวนาตาลีใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยมาเป็นเวลาถึง 7 ปีแล้ว ซึ่งเจ้าตัวบอกกับเราอย่างไม่ลังเลใจเลยว่าเธอยังไม่คิดจะย้ายไปไหน และประเทศไทยคือ “บ้าน” ของเธอ

“เริ่มแรกเลยฟ้าเลือกอยู่ที่นี่เพราะงาน แต่พอได้รู้จักกับผู้คน วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของคนที่นี่ ฟ้าก็ตัดสินใจอยู่ต่อมาเรื่อยๆ ค่ะ ยังไม่ได้คิดย้ายไปไหน ชีวิตของฟ้าอยู่ที่นี่ เมืองไทยคือบ้านของเรา ฟ้าไม่ทราบเหมือนกันว่าชาวต่างชาติคนอื่นๆ เขาจะรู้สึกยังไงบ้าง แต่สำหรับฟ้าแล้วรู้สึกดีมาก ผู้คนที่นี่ต้อนรับและให้เกียรติเหมือนกับเราเป็นคนของที่นี่ ทุกวันนี้เวลาไปไหนก็มีคนเรียกชื่อภาษาไทย “คุณฟ้า” ฟ้าเลยรู้สึกสบายใจที่จะอยู่เมืองไทยค่ะ” นาตาลีเล่าให้เราฟังถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเลือกบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยเป็นเวลานานเกือบสิบปีแล้ว

ในฐานะที่เธอเป็นขวัญใจชาวไทยคนสำคัญ เราจึงไม่พลาดถามเธอถึงเรื่องภาษาไทยของเธอ ซึ่งชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยยกให้เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ยากเอาการ “ตอนนี้ฟ้ากำลังเรียนภาษาไทยอยู่ค่ะหลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานาน 7 ปี ในที่สุดก็มีเวลาไปเรียนภาษาไทยสักที (หัวเราะ) ตอนนี้เรียนมาได้สองเดือนแล้วก็พออ่านออกเขียนได้ แต่เรื่องพูดยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ค่ะ กำลังพยายามอยู่ (เขียนชื่อตัวเองได้ไหม?) ได้ค่ะ ชื่อตัวเองนี่เขียนได้สบายเลยค่ะ แต่ที่ยากที่สุดเห็นจะเป็นชื่อเต็มของกรุงเทพฯ ค่ะ ทุกวันนี้ฟ้าเขียนได้แค่ กรุงเทพมหานครเอง แต่อย่าให้พูดนะ ตั้งหลายบรรทัด ฟ้าจำไม่ได้หรอกค่ะ (หัวเราะ)”

ส่วนใหญ่เราคุ้นหน้าเธอดีจากงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา รวมถึงเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น BSC Cosmotology, BSC International และ Canadian Ice Diamonds แบรนด์จิวเวลรีสัญชาติแคนาเดียนบ้านเกิดของเธอนั่นเอง สาวฟ้าเล่าให้ฟังว่าเธอมีโอกาสได้ร่วมงานกับช่างภาพระดับโลกอย่าง “ชีลส์ เบนสิมอง” อดีต International Creative Director แห่งนิตยสารแฟชั่นระดับท็อปอย่าง ELLE มาแล้ว “เป็นงานถ่ายแบบเครื่องประดับที่เลบานอนค่ะ พอรู้ว่าจะได้ถ่ายกับชีลส์ ฟ้าตื่นเต้นมาก พอได้ทำงานด้วยก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ เขามีความเป็นศิลปินสูงมาก งานที่ถ่ายก็ออกมาสวยมากเลย เขาเก่งจริงๆ”

Miss Animal Lover

ใครหลายคนอาจคิดว่าเป็นนางงามต้องรักเด็ก รักสัตว์ รักโลก แต่สำหรับนาตาลีแล้วการสิ้นสุดภารกิจมิสยูนิเวิร์ส ไม่อาจหยุดการทำงานการกุศลของเธอได้ เรียกว่าถ้าเป็นงานรักสัตว์รักโลกแล้ว เธอยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพราะรักสัตว์มาก ถ้าหากใครติดตามอินสตาแกรมคงได้เห็นภาพเจ้าแมวน้อยสีเทา “แทมมี่” ซึ่งเป็นแมวที่สาวฟ้ารับมาเลี้ยงจากบ้านแมวจรจัดตั้งแต่ยังเล็ก

“ฟ้าเป็นคนรักสัตว์มากเลยค่ะ ช่วงนี้จะทำงานกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ระดมทุนช่วยเหลือสุนัข และทำแคมเปญให้คนเห็นความสำคัญของพวกเขามากขึ้น นอกจากนี้ก็มี WWF (องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล) United Nations Environment Programme (โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ) และ FREELAND Foundation ซึ่งฟรีแลนด์เป็นองค์กรต่อต้านการทำร้ายปลาฉลามและปลาวาฬ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีการทานปลาฉลามกันเยอะมาก เพราะคนเชื่อว่าเนื้อฉลามมีสรรพคุณดีต่อร่างกาย ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย มีงานวิจัยออกมาแล้วว่าเนื้อฉลามเป็นอันตราย มีสารปรอทสูง ทุกวันนี้จำนวนของฉลามก็กำลังลดน้อยลงไปทุกที ถ้าหากเรายังไม่หยุดพฤติกรรมพวกนี้ ฉลามก็จะสูญพันธุ์ในที่สุด และเมื่อฉลามสูญพันธุ์แล้ว ระบบนิเวศใต้ทะเลก็จะได้รับผลกระทบอย่างมากแน่นอน”

จากนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยไรซันคนหนึ่ง สู่ผู้ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลปี 2005 ที่สาวๆ จำนวนไม่น้อยใฝ่ฝันอยากจะเป็นบ้าง ทว่าเส้นทางการเป็นนางงามไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ใครหลายคนคิด แม้กระทั่งตัวเธอเองด้วยเช่นกัน “การเป็นนางงามจักรวาลจริงๆ แล้วยากกว่าที่คิดมากเลยค่ะ ต้องเดินทางเยอะมาก จนไม่มีเวลาส่วนตัวเลย บ่อยครั้งที่ฟ้าเหงา คิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อน

สำหรับฟ้าแล้วฟ้าคิดว่าปีนั้นเป็นปีที่ยากที่สุดในชีวิต แต่จากประสบการณ์ครั้งนั้น ฟ้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์ ได้พบและทำงานกับผู้คนหลายรูปแบบ หลายระดับ ได้ศึกษาวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ และสิ่งเหล่านี้ทำให้ฟ้าเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ปรับตัวกับคนอื่นๆ ได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครมาจากไหน เชื้อพระวงศ์ ผู้นำประเทศ หรือแม้กระทั่งคนที่อาศัยอยู่ในสลัม การเป็นมิสยูนิเวิร์สทำให้ฟ้าได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจและสื่อสารกับพวกเขาได้หมดเลยค่ะ รู้สึกว่าตัวเองได้เห็นภาพกว้างของสังคมจริงๆ”

“ตอนนั้นฟ้าตัดสินใจเข้าประกวดเพราะเป็นคนที่สนใจเรื่องการแสดง การพูดบนเวทีมาตลอด สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยก็เรียนค่อนข้างหนัก ไม่ได้มีโอกาสทำกิจกรรมบนเวทีเท่าไหร่นัก และฟ้าคิดว่าการเข้าประกวดนางงามนี่แหละจะให้โอกาสฟ้าได้ทำสิ่งที่อยากทำมานาน ตัวฟ้าไม่ได้คิดว่าจะต้องชนะหรืออะไร แค่อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งเราตั้งใจทำให้ดีที่สุดและฟ้าก็ได้รับตำแหน่งซึ่งต้องบอกตรงๆ เลยว่าเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากค่ะ” นาตาลีบอกเราด้วยแววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงตำแหน่งที่เปลี่ยนชีวิตของเธอ

“ตอนนี้ก็ยังยากอยู่นะคะ เพราะเมื่อเราได้ตำแหน่งนั้นมาแล้วคนส่วนใหญ่จะคาดหวังให้เราเป็นอย่างที่เขาคิด เช่น ต้องสวยและดูดีตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่ตัวฟ้าเลยค่ะ ฟ้าสามารถใช้ชีวิตปกติ นั่งรถไฟฟ้า ไม่ต้องแต่งหน้าออกจากบ้านทุกวัน เราไม่อยากดูเพอร์เฟกต์ตลอดเวลา บางทีคนอาจจะจำฟ้าไม่ได้ก็ได้ค่ะ แต่บางคนที่จำได้เขาก็บอกว่าฟ้าดู “ธรรมดา” นะ ซึ่งก็ดีไปอีกแบบ เรื่องนี้ฟ้าพยายามไม่เก็บมาคิดและโฟกัสไปที่ความสุขของตัวเองมากกว่า เพราะว่าสุดท้ายแล้วนี่คือชีวิตของเรา เราไม่สามารถทำตามทุกสิ่งที่คนอื่นคาดหวังได้หรอกค่ะ”

ขณะที่คนทั่วไปมักคาดหวังให้เธอเป็นแบบที่พวกเขาต้องการ แต่ในทางกลับกันมีบางกลุ่มผูกติดอยู่กับความคิดที่ว่า “คนสวยต้องไม่ฉลาด” ซึ่งสำหรับนาตาลีแล้วเธอมองว่าความคิดนั้นเป็นเพียงแค่การเหมารวมเท่านั้น “ถ้าลองสังเกตดูจะรู้ว่า คำพูดพวกนี้มักมีที่มาจากความคิดแบบเหมารวมมากกว่าความจริง ในชีวิตของฟ้า ฟ้าได้พบกับผู้หญิงสวยและเก่งมากมาย พวกเธอไม่ได้เก่งเฉพาะเรื่องเรียนเท่านั้น แต่ว่าฉลาดในการใช้ชีวิต ยิ่งในโลกของนางงามแล้วมีผู้หญิงเก่งๆ เยอะมาก มีหลายคนเลยที่ประสบความสำเร็จด้านหน้าที่การงาน เป็นนักธุรกิจ บางคนอยู่ในแวดวงการเมืองก็มี เป็นแพทย์ก็มี และอีกมากมายที่คนไม่รู้ แต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกมองแต่ด้านลบ เห็นว่าผู้เข้าประกวดบางคนตอบคำถามตลกๆ เลยคิดไปว่านางงามทุกคนต้องไม่ฉลาด ซึ่งมันไม่จริงเลย”

นางงามบล็อกเกอร์

คำกล่าวที่ว่า “Beautiful from the inside out” - สวยจากภายในสู่ภายนอก นับว่าตรงตามแบบฉบับความงามของเธอคนนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นนางงามแล้ว สาวฟ้ายังครองอีกหนึ่งตำแหน่งคือการเป็นบล็อกเกอร์แห่ง Healthy Happy Beautiful Life (hhblife.com) เว็บไซต์รวบรวมทิปส์ต่างๆ ในเรื่องของการดูแลสุขภาพและความงามจากภายใน ต้องขอบอกว่านาตาลีไม่ใช่บล็อกเกอร์ธรรมดา เพราะเธอมีดีกรีใบประกาศนียบัตรทางด้านโภชนาการเพื่อสุขภาพที่ดีและการกีฬา (Nutrition for Optimal Health, Wellness and Sports) จากมหาวิทยาลัย Washington State University ด้วย

“ในเว็บไซต์ฟ้าจะนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ในการดูแลสุขภาพค่ะ เช่น สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกาย ทิปส์ความงาม และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะฟ้าอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีและมีความสุขค่ะ ฟ้าสนใจเรื่องพวกนี้มากเลยเทกคอร์สศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อที่จะนำความรู้มาช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างการเขียนบล็อกนี้ไงคะ”

“ตอนนี้มีคนเป็นบิวตี้กูรูเยอะมาก แต่สำหรับฟ้าแล้วมองตัวเองเป็น “กูรูเรื่องสุขภาพดี” มากกว่า เพราะฟ้าสนใจในทุกๆ ด้านของการสร้างสุขภาพดี ไม่ใช่แค่เพียงความงาม ฟ้าคิดว่าความงามที่แท้จริงต้องเกิดมาจากภายใน ความสวยเริ่มจากการดูแลสุขภาพตัวเองก่อน เช่น การรับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย ถ้าคุณดูแลตัวเองดีแล้ว ความสวยก็จะตามมาเองค่ะ”

อาจเรียกได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในกูรูความงามตัวจริง เราจึงสอบถามความคิดเห็นของเธอเรื่องความงามตามกระแสนิยมของสาวไทยว่า “ยิ่งขาวยิ่งดี” ซึ่งในเรื่องนี้เธอตอบว่า “ตอนแรกฟ้ายังไม่ค่อยเข้าใจคอนเซ็ปต์เรื่องความงามของคนไทยเท่าไหร่นะคะ เพราะเราเป็นฝรั่ง ชอบอาบแดด อยากมีผิวแทน แต่สาวๆ ที่นี่กลับอยากมีผิวขาว ตัวฟ้าเองก็อยากมีผิวแทนมาตลอด เสียค่าใช้จ่ายและเวลาไปไม่น้อยเลยเพื่อให้ได้ผิวแทน แต่ตอนนี้ฟ้าโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ฟ้าเริ่มเห็นคุณค่าความงามจากสิ่งที่ตัวเองเป็น เมื่อก่อนฟ้าเคยคิดว่าคนที่ผิวแทนนั้นสวยกว่า แต่ตอนนี้ฟ้าคิดว่าผิวขาวก็สวยได้เหมือนกัน เพราะฟ้าคิดว่าทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่น่าภูมิใจเสมอ อาจจะเป็นสีผิว หรือส่วนอื่นๆ ก็ได้ ฟ้าอยากให้สาวไทยทุกคนภูมิใจและมีความสุขในแบบของตัวเองค่ะ”

ครบเครื่องทั้งความรู้ ความงาม และความสามารถแบบนี้ เธอคนนี้แอบมีมุมเด็ดๆ ซ่อนอยู่เหมือนกันนั่นคือ เธอเป็นแฟนตัวยงของกีฬาผาดโผนชนิดเร่งอะดรีนาลีนทั้งหลาย เช่น การกระโดดบันจี้จัมป์ “คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่น่าจะรู้ว่าฟ้าชอบทำอะไรผาดโผนนะคะ อะไรที่เร่งอะดรีนาลีนเยอะๆ อย่าง กระโดดบันจี้จัมป์ ดำน้ำ หรือกีฬาอะไรพวกนี้ฟ้าชอบมากๆ เป็นกิจกรรมที่ให้ฟ้ารู้สึกมีชีวิตชีวา แต่ก็ไม่ได้บ้าจนเกินไปนะคะ (หัวเราะ)”

“อีกเรื่องนึงที่หลายคนคงคิดว่าฟ้าไม่น่าจะใช้ชีวิตแบบนั้นได้ คือเมื่อปีที่แล้วฟ้าไปร่วมเทศกาลดนตรีกลางทะเลทรายชื่อ Burning Man ที่สหรัฐอเมริกา ต้องนอนในรถบ้านแบบธรรมดาๆ เป็นสัปดาห์ จุดนั้นไม่มีอะไรเลย มีแค่เรากับผืนทรายเท่านั้น และฟ้าก็ชอบมากเลยค่ะ เพราะที่นั่นไม่มีใครมานั่งสนใจว่า เราเป็นใคร อาชีพอะไร อายุเท่าไหร่ ผู้คนที่เบิร์นนิ่งแมนจะอยากทำความรู้จักกับตัวตนของคุณจริงๆ โดยไม่สนใจเปลือกนอกเลย เป็นสังคมแห่งการให้และความรัก จะเรียกว่าออกแนวฮิปปี้นิดนึงก็คงจะใช่นะคะ”

เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับเธอทั้งที แน่นอนว่าสาวงามของเรายินดีเปิดใจตอบทุกคำถามรวมถึงเรื่อง “ความรัก” ด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้ฟ้าโสดค่ะ หลังจากที่ไม่โสดมานาน (หัวเราะ) ใช้ชีวิตโสดก็เป็นอะไรที่แตกต่างออกไปจากเดิมพอสมควร พูดตรงๆ นะฟ้าเองยังไม่ค่อยชินเลยค่ะ แต่อีกด้านหนึ่งคือ เราได้รู้จักตัวเอง มีเวลาให้กับตัวเองเต็มที่ หลายคนบอกว่าฟ้าควรจะแต่งงานรอบสองได้แล้วนะ (หัวเราะ) แต่ฟ้าไม่รีบเลยค่ะเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงอายุเท่านี้แล้ว ฟ้าคิดว่าเราคงไม่ต้องพึ่งพาสามีเท่าไหร่ ฟ้าชอบการมีอิสระและได้ทำอะไรตามใจตัวเอง มีความสุขที่สุดแล้ว และเมื่อฟ้าพร้อมเมื่อไหร่ หวังว่าคนที่ใช่จะมาตอนนั้นด้วยนะคะ”

สำหรับสเปกหนุ่มในฝันของเธอนั้น นาตาลีตอบเราอย่างอารมณ์ดีว่า“ คำถามตอบยากจังเลยค่ะ อย่างที่เขาบอกนั่นแหละค่ะว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่มีลิสต์ยาวสำหรับคำถามนี้ ใช่ไหมคะ? (หัวเราะ) สำคัญมากเลยค่ะสำหรับฟ้าที่ผู้ชายคนนั้นจะต้องรักสัตว์ เป็นคนละเอียดอ่อนเรื่องความรู้สึกทั้งของตัวเองและคนรอบข้าง เป็นคนใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และมีความคิดแบบนักธุรกิจด้วยค่ะ ฟ้าอยากใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าได้ค่ะ ส่วนเรื่องหน้าตาก็ไม่ได้เลือกมากนะคะ ขอแค่ว่าเขาต้องสูงกว่าฟ้า เพราะฟ้าเนี่ยสูง 177 ซม. พอบวกด้วยรองเท้าส้นสูงอีกก็สูงกว่าเดิมอีก ยังไงขอเป็นคนสูงๆ แล้วกันนะคะ ขอเลย (หัวเราะ)”

เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกคนนี้ก็มีความฝันเช่นกัน ในอนาคตเธออยากมีธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอาง รวมถึงรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความงามเป็นของตัวเอง “ฟ้าเห็นภาพตัวเองเป็นนักธุรกิจสาวเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง กับพิธีกรรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและความงาม ตอนนี้ฟ้ากำลังพยายามทำสองอย่างนี้ให้สำเร็จให้ได้ค่ะ ปกติแล้วฟ้าไม่ค่อยชอบคิดถึงอนาคตมากเท่าไหร่นะคะ เพราะพยายามโฟกัสกับชีวิตปัจจุบันมากกว่า เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตเราบ้าง เหมือนกับตอนที่ตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทย ฟ้าก็ไม่ได้แพลนว่าจะมาอยู่ แต่ก็อยู่มาตั้ง 7 ปีแล้ว (หัวเราะ) ฟ้าเลยเลือกที่จะเปิดกว้างให้กับชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ” นาตาลี เกลโบว่า กล่าวทิ้งท้าย :: Text by FLASH



กำลังโหลดความคิดเห็น