ปปง. ยืนยันไม่ดำเนินการกับทรัพย์สินที่ยึดจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน เนื่องจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยยึดและอายัดทรัพย์สินที่มีการยักยอกไป ชี้การดำเนินการตามกฎหมายอื่นจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย และรูปคดี มากกว่าที่จะดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
จากกรณีที่ สำนักงาน ปปง. ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ชุดที่ 29 กับพวก ที่ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ฯ
คืบหน้าวันนี้(6 พ.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เมื่อเวลา 10.00น. พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่าเมื่อวันที่2พ.ค.ที่ผ่านมาสำนักงาน ปปง.เตรียมส่งเรื่องให้อัยการเพื่อพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน แต่เนื่องจากนายเผด็จ มุ่งธัญญา ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ชุดที่ 30 และคณะกรรมการสหกรณ์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ฐานละเมิดเรียกทรัพย์สินคืน และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยยึดและอายัดทรัพย์สินที่มีการยักยอกไป ซึ่งในวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่ร้องขอ สำนักงาน ปปง. จึงไม่ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาล
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า การดำเนินของของประธานสหกรณ์คนใหม่และคณะกรรมการสหกรณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นผลดีต่อสหกรณ์ฯ สมาชิกสหกรณ์ ผู้เสียหาย และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะถือว่าเป็นการดำเนินการจากผู้เสียหายโดยตรง ซึ่งหากมีการส่งให้ศาลยึดและอายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดตามกระบวนการทางกฎหมาย ก็จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร
ดังนั้น คณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาโดยละเอียดและรอบคอบแล้ว เห็นว่าเพื่อให้การดำเนินการ ตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เสียหายและสหกรณ์ฯ จึงมีมติในการประชุมว่า ไม่ดำเนินการกับทรัพย์สินดังกล่าวตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายอื่นได้อยู่แล้ว และการดำเนินการตามกฎหมายอื่นจะเป็นประโยชน์ต่อสหกรณ์ฯ สมาชิกสหกรณ์ ผู้เสียหาย และรูปคดี มากกว่าที่จะดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีการดำเนินการตามกฎหมายอื่นแล้วแต่ไม่เป็นผล สำนักงาน ปปง.ก็ยังสามารถเข้าไปดำเนินการกับทรัพย์สินดังกล่าวต่อไปได้อีก
ทั้งนี้สำนักงาน ปปง. ยืนยันว่าแม้จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอื่นแล้ว แต่สำนักงาน ปปง.พร้อมที่จะช่วยเหลือและให้การสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาให้กับสมาชิกสหกรณ์กว่า 50,000ราย ต่อไป และสมมุติว่าสู้คดีแล้วแพ้คดี ผู้เสียหายสามารถขอให้สำนักงาน ปปง.เข้าดำเนินการได้อีก