ผอ.ศูนย์ปราบปรามคดีฟอกเงินและยาเสพติด ดีเอสไอ เผยออกหมายเรียกอดีต ผู้ช่วยรัฐมนตรี สมัย "บุญทรง" นั่งเก้าอี้ รมช.คลัง และเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม รับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 12,000 ล้านบาท
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.นายกิติก้อง คณาจันทร์ ผอ.ศูนย์ปราบปรามคดีฟอกเงินและยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 12,000 ล้านบาท กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้อนุมัติให้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกนายวัฒน์ชานนท์ นวอิศรารักษ์ นักธุรกิจเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐม และนายจิรเดช วรเพียรกุล อดีต ผช.รัฐมนตรี ที่ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในสมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมช.คลัง เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในวันที่ 17 พ.ย.2556 เวลา 14.00 น.หลังดีเอสไอสอบสวนพบพฤติการณ์จากพยานหลักฐานที่เพียงพอแจ้งข้อกล่าวหานายวัฒน์ชานนท์ และนายจิรเดช ที่น่าจะมีส่วนได้รับเงินที่ถูกยักยอกออกไปจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณเครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเป็นค่าคอมมิชชั่นในการที่ทั้ง 2 คน ได้ไปชวนให้สหกรณ์ต่างๆ นำเงินมาฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งทั้งสองคนรู้อยู่แล้วว่าเงินที่ได้ไปน่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการยักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
ผอ.ศูนย์ปราบปรามคดีฟอกเงินและยาเสพติด ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน สามารถไประดมเงินจากสหกรณ์หลายแห่งให้มาฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นหลายพันล้านบาท อาจจะไปมีการต่อรองกับสหกรณ์ต่างๆ ว่าหากนำเงินมากฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจะได้รับดอกเบี้ยเป็นพิเศษจึงมีสหกรณ์ต่างๆ นำเงินมาฝากไว้จำนวนมาก ซึ่งจากการสอบสวนพบว่ามีการทยอยจ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นให้กับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ครั้งละประมาณ 20-30 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2551-2554 ส่วนเงินค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับไปไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท จากการตรวจสอบดีเอสไอพบร่องรอยทางการเงินว่ามีการนำลงไปออกไปลงทุนทั้งหมดแล้ว ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คนต่อไป ทั้งนี้ หากพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทปกปิดซ่อนเร้นทรัพย์สินที่รู้หรือควรรู้ว่าน่าจะเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด จะพิจารณาดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินอีกคดี รวมทั้งผู้รับโอนทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเช่นกัน
หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 12,000 ล้านบาท กล่าวอีกว่า ดีเอสไอจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ชี้แจงเพื่อความเป็นธรรม แม้ว่าดีเอสไอมีพยานหลักฐานร่องรอยทางการเงินว่าทั้งสองคนได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโดยเงินทั้งหมดถูกถอนไปแล้ว ส่วนการสั่งฟ้องอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พร้อมพวกรวม 4 คน ซึ่งถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปก่อนหน้านี้ คงต้องรอกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาชุดที่ 2 ให้เสร็จสิ้นจึงจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ คาดว่าใช้เวลาไม่นาน ส่วนยอดเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ถูกยักยอกไปจากผลการตรวจสอบของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังยืนยันอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท ดีเอสไอกำลังสืบสวนติดตามกลับคืนมาหลังได้อายัดที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท