ญาติสาววิน จยย.ร้อง ป.รื้อคดี ถูกจับฐานฉ้อโกง

ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมญาติผู้เสียหายที่ถูกฟ้องในคดีฉ้อโกงทรัพย์ ร้องกองปราบฯ ช่วยรื้อคดีถูกแจ้งความเท็จ หลังถูก ตร.นนทบุรีจับกุมและส่งฟ้องศาล ขณะที่ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงคลองเปรม

วันนี้ (29 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พานายพงษ์ พาสุข อายุ 64 ปี นางบาน พาสุข อายุ 69 ปี และนายธนวัฒน์ คำขวา อายุ 35 ปี พ่อ แม่ และสามีของนางทิพย์สุดา พาสุข อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 6 ต.คันไร่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ พร้อมด้วยนายพัสกร เพชรในหิน เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป.เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกรณีที่นางทิพย์สุดาตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวอย่างไม่เป็นธรรม

นายอัจฉริยะกล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา นางทิพย์สุดาได้รับว่าจ้างจากผู้โดยสารที่เป็นหญิงสาวให้ขับจักรยานยนต์จากบริเวณหน้าอาคารสิรินรัตน์ ถนนพระราม 4 แขวงและเขตคลองเตย กทม.ไปส่งที่โรงพยาบาลเทพธารินทร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน เนื่องจากผู้โดยสารคนดังกล่าวอ้างว่าป่วยต้องรีบพบแพทย์ทันที เมื่อนางทิพย์สุดาขับรถพาไปส่งยังจุดหมายแล้ว ผู้โดยสารรายนี้ก็ยังว่าจ้างเป็นเงิน 200 บาท ขอให้ช่วยนำเช็คไปเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ต่อมานางทิยพ์สุดานำเช็คไปเข้าบัญชีธนาคารตามที่ได้รับว่าจ้าง กระทั่งเมื่อได้นำสลิปดังกล่าวไปมอบให้ผู้ว่าจ้าง กระทั่งวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาก็มีตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี มาจับกุมตัวไปดำเนินคดี โดยนางทิพย์สุดาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่า ทางตำรวจได้ระบุถึงพฤติการณ์กระทำความผิดว่า นางทิพย์สุดา ได้ร่วมกับพวกฉ้อโกงทรัพย์สินเป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 120 บาท มูลค่า 2,323,200 บาท จากห้างทองแม่ทองใบงามวงศ์วาน จ.นนทบุรี โดยมีการตกลงชำระเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของห้างทองดังกล่าว และเมื่อนำใบโอนเงินมาแสดงจึงมีการรับทองคำที่ตกลงซื้อไป แต่ภายหลังทางห้างทองแห่งนี้กลับพบว่าเป็นการโอนเช็คที่ไม่มีสมุด เป็นเช็คของธนาคารแห่งหนึ่ง จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ ระหว่างที่ถูกดำเนินคดีนางทิพย์สุดาตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน และมีลูกแล้ว 3 คนที่ต้องเลี้ยงดู รวมทั้งต้องดูแลพ่อแม่อีกด้วย

“ช่วงที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงคลองเปรมเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ญาติก็ไม่ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว อย่างไรก็ตาม ผมได้เข้าไปเยี่ยมนางทิพย์สุดามาแล้ว มีการเขียนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการศาลแขวงนนทบุรี ลงวันที่ 28 เมษายน 2557 เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยทราบว่าทางอัยการได้พิจารณาคืนสำนวนคดีให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว ทั้งนี้ หากส่งฟ้องคดีไม่ทันวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องปล่อยตัวผู้ต้องหา” นายอัจฉริยะกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.นรบุญกล่าวว่า ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำผู้ร้อง และตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเท่าที่ในส่วนของ บก.ป.สามารถดำเนินการได้