ASTV ผู้จัดการ - กองปราบปรามติดตามจับกุมแก๊งมาเลเซียลักลอบขโมยข้อมูลบัตรเอทีเอ็มปลอมตระเวนกดเงินในไทย-มูลค่าความเสียหาย 50 ล้าน
วันนี้ ( 28 เม.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป.พ.ต.ท.จิรพงศ์ รุจิรดำรงศ์ชัย รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ต.นรามินทร์ เทพจักรินทร์ สว.กก.6 บก.ป.ร่วมกับ นายปาทริก แบร์นิเยร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงาน สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส และผู้แทนสายงานบริหารการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินและความปลอดภัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แถลงจับกุม นายฟรานซิส เซเวียร์ อรูแลปปาน อายุ 35 ปี นายมาเกสวาราน บาลาคริชนาน อายุ 23 ปี นายวีแลนราจ วาแลราเซ็น อายุ 22 ปี นายคูนาลาน คูมารีซาน อายุ 25 ปี และ นายการ์ติก ซินานซามี อายุ 24 ปี ทั้งหมดสัญชาติมาเลเซีย พร้อมของกลาง เครื่องรูดบัตรยี่ห้อ MSR609 สีขาว คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คยี่ห้อ emachine บัตรอีเล็กทรอนิกส์ปลอมแปลงข้อมูล 732 ใบ และเงินสด 5 แสนบาท
พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ส่วนควบคุมและป้องกันการทุจริต สายงานบริหารป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ ว่าธนาคารในกลุ่มประเทศยุโรป พบการขโมยข้อมูลการเงินของลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะสัญชาติฝรั่งเศส เป็นจำนวนมาก และมีการนำไปใช้ปลอมบัตรอีเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะนำมากดเงินสดในประเทศไทยมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ จึงวางแผนสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนควบคุมและป้องกันการทุจริตฯ โดยนำความรู้จากการอบรมโรงเรียนตำรวจนอกเวลาอันเป็นแนวคิดของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.สืบหาเบาะแสอาชญากรรมจากการปฏิบัติจริง กระทั่งพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นแก๊งสกิมเมอร์สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบโจรกรรมข้อมูลการเงินแล้วปลอมบัตรอีเล็กทรอนิกส์ไปใช้กดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สร้างความเสียหายอย่างมาก
พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวอีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลคนร้ายแก๊งนี้แล้ว จึงนำกำลังชุดสืบสวนเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานับเดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา พบว่านายฟรานซิส นายมาเกสวาราน และนายการ์ติก ได้ทำธุรกรรมทางการเงินโดยกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างโอเดี้ยน อ.หาดใหญ่ โดยมีนายวีแลนราจ และนายคูนาลาน คอยดูต้นทางด้วยท่าทางมีพิรุธ ชุดสืบสวนจึงเร่งติดตามทั้งหมดไปจนถึงบริเวณหน้าโรงแรมพิงค์เลดี้ อ.หาดใหญ่ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น ก่อนจะพบของกลางดังกล่าวทั้งหมดจากกลุ่มคนร้าย โดยเงินสด 5 แสนบาท เป็นเงินที่ถูกตระเวนกดออกมาจากตู้เอทีเอ็มธนาคารต่างๆ ในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวนดำเนินคดี
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันปลอมบัตรอีเล็กทรอนิกส์ , ร่วมกันทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอม แปลง หรือเพื่อให้ได้ข้อมูลในการปลอมซึ่งบัตรอีเล็กทรอนิกส์ หรือมีเครื่องมือหรือวัตถุเช่นว่านั้น เพื่อใช้ และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอีเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของปลอมขึ้น โดยประการที่น่าจะก่อใหเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกชาวมาเลเซีย ที่เหลืออีก 3 คน รวม 8 คน เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนจะแบ่งหน้าที่กันทำงานโดยเป็นเครือข่ายโจรกรรมข้อมูลการเงินของประชาชนในกลุ่มประเทศยุโรป โดยตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารต่างๆ ไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้มาในแต่ละวันก็จะโอนกลับไปให้หัวหน้าขบวนการที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งพวกตนได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินประมาณ 10% ของเงินที่สามารถกดออกมาได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดีแลขยายผลการจับกุมต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาสัญชาติมาเลเซียกลุ่มนี้ พบว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วในพื้นที่ จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.เพชรบุรี โดยมีเป้าหมายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวของประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป