ศาลอุทธรณ์จำคุก 2 ปี “แพรวา” ซิ่งชนรถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ ดับ 9 ศพ โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาเพิ่มจาก 3 ปี เป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ปีละ 48 ชั่วโมง
ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (22 เม.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีประมาทหมายเลขคดี 1233/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ ต่อศาลเยาวชนฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2554
คำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2553 เวลากลางคืน จำเลยซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ขับรถยนต์ยฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กรุงเทพมหานคร ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า มุ่งหน้าถนนดินแดงด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จำเลยได้กระทำประมาทโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะปกติจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ โดยจำเลยไม่ขับรถในช่องทางซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางลงบางเขน ช่วงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปลี่ยนช่องทางไปมา เปลี่ยนช่องทางจากช่องทางขวาสุดเพื่อมาทางซ้ายถัดมา และยังเปลี่ยนกลับไปยังช่องทางขวาอีกครั้ง เป็นเหตุให้รถยนต์ซีวิคของจำเลยพุ่งเข้าชนรถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีนางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี เป็นคนขับ ทำให้รถยนต์ตู้เสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นทางโทลล์เวย์พลิกคว่ำพังเสียหาย คนขับรถตู้โดยสารและผู้โดยสารภายในรถยนต์ตู้กระเด็นออกจากตัวตกจากทางด่วนเสียชีวิตรวม 9 คน และบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง ส่วนรถยนต์ของจำเลยแฉลบเลยจากรถยนต์ตู้ประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุจำเลยยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้ง 2 ข้อหา
โดยวันนี้กลุ่มญาติผู้เสียชีวิต ก็ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย เช่น นางสุชาดา ปาละกูล มารดา น.ส.ตรอง สุดธนกิจ ผู้เสียชีวิต พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ และนางทองพูน พานทอง มารดาของนางนฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ ซึ่งศาลไม่ได้อนุญาตให้บุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่คู่ความร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก น.ส.แพรวา จำเลยในความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน ให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่
ทั้งนี้ ศาลอุทรณ์พิเคราะห์แล้วมีคำพิพากษาแก้โทษ จำคุก 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี เป็นให้จำคุก 2 ปี และรอลงอาญาเพิ่มเป็น 4 ปี และบำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ภายหลังฟังคำพิพากษา นางสุชาดา ปาละกูล อายุ 55 ปี มารดา น.ส.ตรอง สุดธนกิจ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แม้ศาลจะสั่งให้รอลงอาญาเพิ่มจาก 3 ปี เป็น 4 ปี แต่ก็คือรอลงอาญา ดังนั้นคำพิพากษาในวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ความจริงทางญาติผู้เสียหายอยากจะดำเนินการให้มากกว่านี้ แต่จำเลยเป็นเยาวชนก็ทำได้แค่นี้ และคาดว่าทางฝ่ายจำเลยคงจะยื่นฎีกาต่อไป สำหรับคดีแพ่งที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ยังต้องรอให้คดีอาญาถึงที่สุดก่อนจึงจะมีคำพิพากษาได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เสียชีวิตโจทก์ร่วมที่ 4 เปิดเผยผลคำพิพากษาว่า ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นควรแก้โทษจากเดิมจำคุก 2 ปี โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเป็นเวลา 48 ชั่วโมงนั้น ก็ให้เพิ่มระยะเวลาการรอลงอาญาเป็น 4 ปี พร้อมทั้งเพิ่มระยะเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ปี และยังคงเงื่อนไขห้ามจำเลยขับขี่รถยนต์จนกว่าอายุ 25 ปีด้วย
พ.ต.อ.ศรัญ กล่าวต่อว่า เราญาติๆ ก็ทำใจได้แล้ว แต่คาดว่าฝ่ายจำเลยอาจฎีกาสู้คดีถึงที่สุดลักษณะเป็นการประวิงเวลาทำให้คดีนี้จบช้าที่สุด ซี่งเรายังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายกับจำเลยไว้โดยศาลให้รอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุด ดังนั้นหากฝ่ายจำเลยจะฎีกาสู้คดี เราก็จะฎีกาสู้ด้วยเพราะเราเคยบอกไว้แล้วเมื่อครั้งที่ศาลชั้นต้นตัดสินว่าหากจำเลยไม่อุทธรณ์ เราก็ไม่คิดจะอุทธรณ์ เพราะเราหวังว่าเมื่อผลคดีอาญาจบ เราก็จะไปดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่ง ซึ่งศาลก็ได้สืบพยานจนเสร็จสิ้นแล้ว รอเพียงผลคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุด โดยวันนี้จะเดินทางไปพูดคุยหารือคดีกับทนายความของม.ธรรมศาสตร์ ที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายมาตลอดด้วย