ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยความคืบหน้าเหตุระเบิดสยองที่ซอยลาดปลาเค้า 72 ล่าสุดมีกระแสข่าวว่าพบศพเพิ่มอีก 1 รวมผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้เพิ่มเป็น 9 ศพ นอกจากนี้ยังพบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มเติมติดอยู่บนต้นไม้ด้วย ยืนยันตัวเลขเดิม 8 ศพ ส่วนชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบเพื่มเติมต้องรอนำไปตรวจว่าเป็นศพใหม่หรือชิ้นส่วนของศพเก่าที่พบก่อนหน้านี้
วันนี้ (4 เม.ย.) พ.ต.อ.วิระศักดิ์ ฝอยทอง ผกก.สน.บางเขน กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดภายในซอยลาดปลาเค้า 72 นั้น ในเวลานี้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจาก 7 เป็น 8 รายเช่นเดิมอยู่ ล่าสุดวันนี้มีการพบชิ้นส่วนมนุษย์และพบกะโหลกศีรษะ โดยใกล้เคียงที่เกิดเหตุได้ชิ้นส่วนมนุษย์ติดอยู่บนต้นไม้เพิ่มเติมด้วยอยู่ระหว่างนำไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตที่พบก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือเป็นชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตรายใหม่ ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั้นบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านแล้วสำหรับในส่วนของผู้สูญหายนั้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแจ้งแต่อย่างใดคาดว่าเบื้องต้นคงไม่มีใครสูญหายในส่วนของคดีความอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน เบื้องต้นอย่างที่ทราบนั้นผู้ที่นำระเบิดมาขายก็เสียชีวิต ส่วนผู้ที่รับซื้อและเจ้าของร้านรับซื้อก็เสียชีวิต ในส่วนของการฟ้องร้องก็คงเป็นเพียงในส่วนของคดีความทางแพ่งซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการต่อไป
พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พงส.ผทค.กล่าวว่า จากการที่มีกระเเสข่าวว่ามีผู้พบศพในที่เกิดเหตุเป็นรายที่ 9 นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบเเล้ว พบว่าเป็นเพียงชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะ เเละกระดูกสันหลัง ยังไม่สามารถระบุเพศได้ เเละถูกซากปรักหักพังทับถมอยู่ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 เมตร ดังนั้นยอดผู้เสียชีวิตจึงคงเป็น 8 รายเช่นเดิม โดยในส่วนของอวัยวะที่เจอทั้ง 2 ชิ้นนั้นจะส่งต่อไปให้เเพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล ตรวจสอบอีกครั้งว่าตรงกับดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตรายเดิมทั้ง 8 รายหรือไม่
ในส่วนของการดำเนินคดีต่อเจ้าของร้านขายของเก่า เรื่องการเปิดสถานประกอบการโดยถูกต้องหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ทำหนังสือตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะมีการดำเนินคดีต่อไป ถือว่าน่าเห็นใจนางเอื้อมพร หรือเจ๊แบน สืบเนียม เจ้าของร้านที่เพิ่งสูญเสียคนในครอบครัวไป และยังหมดตัวไม่มีเครื่องมือทำมาหากิน ขณะที่นางเอื้อมพรเองก็ไม่ได้คิดหนีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงไม่อยากเร่งรัดในการสอบปากคำ อยากให้เวลาในการจัดการกับศพคนในครอบครัว รวมถึงการจัดการทรัพย์สินส่วนตัวก่อนจึงจะเชิญมาสอบปากคำเกี่ยวกับเหตุสลดที่เกิดขึ้น หรือเพื่อแจ้งข้อหาต่อไป
