xs
xsm
sm
md
lg

ฆ่าโหดชิงทรัพย์สองผัวเมียหมกศพอืดคาห้องเช่า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สภาพศพผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆ่าตายในห้องพัก 2 ศพ ตรวจสอบเป็นสองผัวเมียรับจ้างทำงานจนสามารถเก็บเงินซื้อทองรูปพรรณได้จำนวนหนึ่ง คาดคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์เหยื่อก่อนหลบหนี ตร.เร่งไล่ล่าตัว พร้อมเตือนประชาชนและผู้ประกอบการระวังภัยอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์

เมื่อเวลา 01.30 น. วันนี้ ( 3 เม.ย.) ร.ต.อ.ศุภชัย เขนสันเทียะ พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในห้องเช่าไม่มีชื่อเลขที่ 40/738 ซอยเอกชัย 76 แยก 6/1 แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ไตรรัตน์ เพ็งนู สว.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ต.เอกลักษณ์ หมวกผัน สว.สส.สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น จำนวน 1 คูหา แต่ละชั้นแบ่งเป็นห้องให้เช่าพักอาศัยชั้นละ 5 ห้อง จากการตรวจสอบบนชั้นที่ 2 ห้องเลขที่ 5 พบศพ นางมิพิว อายุ 27 ปี สวมเสื้อแขนกุดลายดอก สวมกางเกงรัดรูปขาสั้นสีดำ ถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่ลำคอ 6 แห่ง หน้าอก 3 แห่ง และแผ่นหลังอีก 3 แห่ง ข้างกันพบศพนายทูลา อายุ 27 ปี สัญชาติพม่า ผู้เป็นสามี นอนหงายอยู่กลางพื้นห้อง มีผ้าห่มสีชมพูปิดบังใบหน้า ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่หน้าอก 4 แห่ง และสีข้างด้านซ้ายอีก 2 แห่ง โดยศพผู้ตายทั้ง 2 รายเริ่มขึ้นอืดมีคราบน้ำเหลืองและเลือดไหลนองพื้นจนแห้งเกราะกรังส่งกลิ่นเหม็นโชยไปทั่วบริเวณ ทางแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ส่วนสภาพภายในห้องที่เกิดเหตุนั้นพัดลมเพดานยังเปิดอยู่ แต่ทรัพย์สินของผู้ตายถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย มีกล่องใส่ทองรูปพรรณถูกเปิดวางเอาไว้บนลิ้นชักพลาสติกเก็บของ เครื่องนอน และเสื้อผ้าถูกรื้อนำออกจากตู้มาวางไว้เกลื่อนพื้น นอกจากนี้ยังพบคราบเลือดซึ่งคาดว่าเป็นทั้งของผู้ตายและคนร้ายสาดกระเซ็นระหว่างการต่อสู้ตามกำแพงและประตูเข้าออกห้องหลายจุด อีกทั้งคนร้ายยังนำพาสปอร์ตกับเอกสารอนุญาตทำงานของเหยื่อทั้ง 2 รายไปยัดไว้ในโถส้วมห้องน้ำรวมของชั้นดังกล่าว

จากการสอบถามนายปาย อายุ 40 ปี ชาวไทยใหญ่ ซึ่งพักอยู่ในห้องหมายเลข 4 ข้างกัน ให้การว่า ตนเพิ่งย้ายมาอยู่และปกติตนกับผู้ตายก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกันอยู่แล้วเพราะสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง เมื่อคืนวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายทั้งสองได้ชักชวนเพื่อนชายชาวพม่ามาที่ห้องด้วยประมาณ 4-5 คน กระทั่งเวลา 01.00 น.ของวันที่ 1 เม.ย. ขณะที่ตนกับภรรยากำลังจะหลับ จู่ๆ ก็มีเสียงทะเลาะและต่อสู้กันดังมาจากในห้องผู้ตาย ซึ่งตนและภรรยาก็ฟังภาษาไม่รู้เรื่อง จนอีก 1 ชั่วโมงผ่านไปเหตุการณ์ถึงเงียบสงบ แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรจึงนอนหลับไปพร้อมภรรยาตามปกติ กระทั่งวันนี้เจ้าของตึกมาเก็บค่าเช่าและเอากุญแจมาไขประตูเข้าไปดูเลยทราบว่าทั้ง 2 ราย ถูกฆ่าหมกศพแล้ว

นางปราณี โรจน์รุจิกานต์ อายุ 58 ปี เจ้าของอาคารดังกล่าวให้การว่า ตนพักอยู่ที่บ้านใกล้กันกับตึกนี้ ปกติจะมาเก็บค่าเช่าในช่วงเย็นวันที่ 1 ของทุกเดือน ซึ่งตนก็มาตามปกติแต่วันนั้นพบว่าประตูลูกบิดห้องผู้ตายถูกกดล็อกจากด้านในพยายามเคาะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีคนตอบ ประกอบกับบานเกล็ดห้องพักก็ถูกปิดเอาไว้เลยคิดว่าน่าจะไม่มีคนอยู่ กระทั่งช่วงดึกวันนี้ตนรู้สึกเอะใจจึงลองเดินขึ้นไปที่ห้องผู้ตายอีกครั้งพบประตูห้องยังอยู่ในสภาพเดิม แต่กับมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยออกมาจึงตัดสินใจนำกุญแจสำรองไขเข้าไปตรวจสอบพบว่าสามีภรรยาผู้เช่าห้องถูกฆ่าตายกลายเป็นศพ

ด้าน พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบว่าผู้ตายทั้งคู่เช่าห้องพักแห่งนี้อยู่อาศัยมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยฝ่ายชายทำงานโรงงาน ส่วนฝ่ายหญิงเป็นแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ในย่านนี้ ที่สำคัญทั้งคู่ยังจ่ายค่าเช่าเดือนละ 1,300 บาทตรงทุกเดือนไม่เคยผัดผ่อน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนมีวินัยในการใช้และออมเงินดีพอสมควรจนสามารถซื้อทองรูปพรรณมาสะสมได้ โดยหลังเกิดเหตุคนร้ายซึ่งคาดว่าน่าจะมี 2 คนขึ้นไปและรู้จักกับเจ้าของห้องเป็นอย่างดีได้ช่วยกันรื้อค้นกวาดเอาทรัพย์สินไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่เศษเงินเหรียญหรือโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังนำอาวุธที่ใช้ก่อเหตุติดตัวไปด้วย ซึ่งจะสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแสนำตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะสั่งการให้ทุกท้องที่เฝ้าระวังคดีเกี่ยวกับทรัพย์ให้มาก เนื่องจากอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการห้างร้านจะให้พนักงานหยุดพักผ่อนกลับไปภูมิลำเนา ซึ่งบุคคลต่างด้าวไม่ว่าสัญชาติใดก็จะได้หยุดพักผ่อนกลับไปที่บ้านเกิดด้วย โดยคนเหล่านี้ต่างก็มีความต้องการใช้เงินอย่างสูงไม่แพ้คนไทยเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น