ศาลอาญารับฟ้องคดี “วัชระ เพชรทอง” อดีต ส.ส.ปชป.ฟ้องหมิ่น “วีระ มุสิกพงศ์” กับพวก 3 เกลอ จัดรายการ “ความจริงวันนี้” ยุยงให้คนเสื่้อแดงคุกคาม ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 12 พ.ค.นี้
ที่ศาลอาญา ห้อง 913 วันนี้ ( 26 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่ง คดี อ.4977/2555 ที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ หรือวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2552 จำเลยที่ 1-3 ได้ใส่ร้ายโจทก์ผ่านรายงานโทรทัศน์พีทีวีของคนเสื้อแดง กล่าวหาว่าโจทก์ได้พิมพ์หนังสือ “สมัครจาบจ้วงป๋าเปรม ถึงนอมินีทักษิณ” ขึ้นมาใหม่ หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ทั้งยังเรียกร้องให้คนเสื้อแดงมาคุกคามโจทก์ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่หนังสือดังกล่าวได้พิมพ์เผยแพร่ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อ 23 มี.ค. 2551 โดยมี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นประธานในพิธีเปิดตัวหนังสือฉบับนี้ร่วมกับนายปรีชา สามัคคีธรรม และเปิดตัวก่อนที่นายสมัครจะถึงแก่อสัญกรรม และนายสมัครก็ไม่ได้ฟ้องร้องอะไร เพราะเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง การกระทำของจำเลยที่ 1-3 เป็นการใส่ร้ายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทำให้โจทก์เสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ศาลพิเคราะห์พยานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล จึงมีคำสั่งให้รับฟ้อง พร้อมนัดตรวจพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
นายวัชระกล่าวภายหลังว่า นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ กับนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร แกนนำ นปช.ได้จัดรายการความจริงวันนี้ โดยกล่าวทำนองว่าตนได้พิมพ์หนังสือขึ้นมาใหม่ ภายหลังจากนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีถึงแก่อสัญกรรมแล้ว และยุยงให้คนเสื้อแดงประท้วงและคุกคามตน รวมทั้งทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าตนรังแกนายสมัคร ซึ่งไม่เป็นความจริง และได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน แต่คดีถูกดองไว้ไม่มีความคืบหน้า จึงต้องมาฟ้องร้องต่อศาลด้วยตนเอง
ในวันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 104 วรรคหนึ่งและสอง
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ตนเป็นอดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับแต่งตั้งทำหน้าที่รองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2556 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จำเลยได้ทำหนังสือแจ้งประธาน กกต.ตรวจสอบ สอบสวนและดำเนินคดีโจทก์กับนายศุภชัย ศรีหล้า ว่ากระทำผิดรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่านายศุภชัย ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและโจทก์ซึ่งเป็นรองประธานฯ ได้ใช้พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาชี้แจงในวันที่ 13 มี.ค.2556 และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช. เดือน เม.ย.-พ.ค.2553 เพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชายชุดดำ โดยจำเลยกล่าวหาว่าโจทก์และนายศุภชัย ใช้ตำแหน่งส.ส.และในฐานะกรรมาธิการเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง เพื่อประโยชน์ตนเองหรือของพรรคการเมือง รวมทั้ง ทั้งที่จำเลยซึ่งเคยเป็น ส.ว.ย่อมรู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2550 มาตรา135 วรรคหนึ่ง และสอง ระบุว่าสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา มีอำนาจเลือกสมาชิกตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อทำกิจการ พิจารณาสอบสวน เรื่องใดๆ อยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย
นายวัชระ เปิดเผยว่า นายเรืองไกร ได้ยื่นคำร้องต่อ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีตประธาน กกต. ให้ตัดสิทธิทางการเมือง ตนในฐานะรองประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ กรณีที่เรียกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ มาชี้แจงกรณีชายชุดดำในช่วงเหตุการณ์ความรุนแรง ปี 2553 ซึ่งต่อมา กกต. ก็ได้ยกคำร้องว่าตนเองไม่ผิด จึงได้มายื่นฟ้องในครั้งนี้ และศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบที่ อ.703/2557 โดยนัดฟังคำสั่งว่าจะรับคดีไว้เพื่อไต่สวนหรือไม่ ในวันที่ 28 มี.ค.นี้