ผบ.ตร.หวั่นสถานการณ์มือที่ 3 ก่อเหตุรุนแรงในระหว่าง กปปส.-นปช.นัดชุมนุมใหญ่ 29 มี.ค.นี้
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ ว่าห่วงเหตุแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และได้สั่งการให้ตำรวจเพิ่มความเข้มในการป้องกันและการปฏิบัติ สำหรับการประเมินการชุมนุมใหญ่ของ กปปส.และนปช.นั้นห่วงมือที่ 3 ที่อาจก่อเหตุรุนแรง และห่วงการเผชิญหน้า จับตาเรื่องระเบิด เฝ้าระวังการก่อสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวถามถึงการชุมนุมใหญ่ของ กปปส.ในวันที่ 29 มีนาคม นี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ห่วงสถานการณ์แทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นระหว่างนี้ก่อนถึงวันที่ 29 มีนาคม ขณะนี้กำลังในการปฏิบัติเป็นกำลังร่วมของตำรวจและทหาร โดยมี พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. เป็นผู้คุมกำลังหลัก ตนดูการบริการตำรวจในภาพรวม อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าวันที่ 29 มีนาคมนั้นไม่น่าห่วงว่าจะมีเหตุรุนแรง เพียงแต่ว่าระหว่างนี้จะมีเหตุแทรกซ้อนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีระเบิดรถยนต์ที่ซอยแจ้งวัฒนะ 13 คดีนี้มีความคล้ายกับเหตุวางระเบิดที่หน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ และที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุดทีี่ผ่านมา มีแนวโน้มว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มเดียวกัน
ส่วนกรณีศาลปกครองกลางพิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพิกถอนการประกาศลำดับอาวุโสและการแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.เมื่อปี 2554 ตามที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) ฟ้องร้อง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายกำลังพลดูแล้ว ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ ตนขอดูก่อน