“อ้น เดอะว้อยซ์” ร้องกองปราบฯ ถูก 18 มงกุฎหลอกขายไอโฟน 5เอส ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยมีการโอนเงินบัญชีแต่ไม่ได้รับสินค้า จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.คูคต และพบว่ามีผู้เสียหายร่วมอีกกว่า 20 ราย
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่กองปราบปราม นายกัณพงศ์ ธาระเขตร์ หรือ “อ้น เดอะวอยซ์” ผู้เข้าแข่งขันรายการ “เดอะวอยซ์ ไทยแลนด์” ตัวจริงเสียงจริง ซีซัน 2 เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วุฒิชัย สิงห์คง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายภควัฒน์ ไม่ทราบนามสกุล ที่ก่อเหตุหลอกขายโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอส
นายกัณพงศ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายภควัฒน์ซึ่งรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับตนทางแอปพลิเคชันไลน์ เสนอขายโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 เอส มือสอง ในราคา 15,000 บาท จึงสนใจเพราะเห็นว่าราคาถูกกว่าในท้องตลาด จึงตัดสินใจซื้อ พร้อมกับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด แม้จะพยายามติดต่อกลับไปหานายภควัฒน์แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง ขอผัดผ่อนการนำส่งเรื่อยมา กระทั่งไม่สามารถติดต่อได้อีก
นายกัณพงศ์กล่าวอีกว่า ต่อมาตนได้พบผู้เสียหายที่ถูกนายภควัฒน์หลอกลวงเช่นเดียวกันอีก 4 ราย จึงมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และได้คัดลอกบทสนทนาในการติดต่อซื้อขายโทรศัพท์ดังกล่าวผ่านไลน์ พร้อมกับเอกสารสลิปการโอนเงินค่าเครื่อง ก่อนจะได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนผู้เสียหายรายอื่นก็ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนท้องที่ต่างๆ แล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการแจ้งเตือนกันแล้วก็พบว่ายังมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้อีกกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่มีทั้งถูกหลอกซื้อโทรศัพท์ไอโฟน และชิ้นส่วนคาร์บอนเคฟลาสำหรับรถยนต์ เกิดความเสียหายรายละหลักพันจนถึงหลักแสนบาท รวมมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท
“เหตุที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กองปราบปราม เนื่องจากเกรงว่าคดีจะล่าช้า และหากรวมกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมากได้ก็อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผมอยากให้ทางตำรวจกองปราบปรามช่วยเหลือในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายภควัฒน์อีกทางหนึ่ง และเพื่อไม่ให้ไปหลอกลวงใครอีก นอกจากนี้ก็ขอให้มีการชดใช้เงินคืนให้แก่ผู้เสียหายทุกรายอีกด้วย” อ้น เดอะวอยซ์กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.วุฒิชัยกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้แล้ว แต่คดีนี้ทางผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต ท้องที่เกิดเหตุแล้ว จึงพิจารณาให้พนักงานสอบสวนท้องที่ได้ดำเนินการไปก่อน หากมีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วก็จะประสานฝ่ายสืบสวนช่วยติดตามจับกุมผู้ต้องหาต่อไป อย่างไรก็ดี ในส่วนผู้เสียหายรายอื่นหากประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีก็สามารถทำได้โดยแจ้งที่ท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งจะแยกเป็นแต่ละกรรม หนึ่งกรรมก็หนึ่งคดี ไม่ได้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน