ศาลแพ่งเลื่อนพิจารณาคดี “ถาวร เสนเนียม” แกนนำ กปปส.ยื่นเพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปวันที่ 12 ก.พ.นี้ เหตุจำเลยขอขยายเวลายื่นคำให้การ พร้อมสั่งยกคำร้อง “เฉลิม” โต้แย้งขอบเขตอำนาจศาล ชี้ศาลแพ่งมีอำนาจพิจารณาคดีได้ตาม รธน.
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศรส.เป็นจำเลยที่ 1-3 ในข้อหาละเมิด เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุม
โดยในวันนี้ นายถาวร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร.ต.อ.เฉลิม และพล.ต.อ.อดุลย์ คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ได้เดินทางมาศาลแต่อย่างใด มีเพียงทนายความผู้รับมอบอำนาจเท่านั้น ขณะเดียวกัน ทนายความฝ่ายจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำร้อง ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การออกไปก่อน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องโตแย้งเรื่องขอบเขตอำนาจของศาล ว่าอยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง โดยให้ศาลแพ่งชะลอการพิจารณาชั่วคราว เห็นว่าตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 16 ที่ระบุว่า ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง หรือการกระทำตามพระราชกำหนดนี้ ไม่อยู่ในข้อบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยแล้วว่าคดีไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลปกครอง ดังนั้น ศาลปกครองจึงไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีได้ และสิทธิเสรีภาพของประชาชน สามารถนำเข้าสู่กระบวนการของศาลยุติธรรมได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 216 วรรค 5 ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นเด็ดขาดและมีผลผูกพันทุกองค์กร จำเลยจะโต้แย้งไม่ได้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ส่วนที่ทนายจำเลยได้ยื่นขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การนั้นเห็นว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งให้รับฟ้องและมีเหตุพิจารณาคดีเร่งด่วน จึงขยายระยะเวลายื่นคำให้การภายในวันที่ 10 ก.พ.นี้ และให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไป เป็นวันที่ 12 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.