xs
xsm
sm
md
lg

บช.น.อ้างด.ต.ณรงค์ถูกผู้ชุมนุมยิงเสียชีวิต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


บช.น.สรุปเหตุดาบตำรวจณรงค์เสียชีวิตจากคมกระสุนของกลุ่มผู้ชุมนุม เตรียมขออนุมัติออกหมายจับแกนนำ

วันนี้ (27ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษกบช.น. แถลงข่าวสรุปสถานการณ์ภายหลังจากที่ กกต.จัดให้มีการจับสลากหมายเลขผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง และกลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ได้นำกำลังเข้าไปปิดล้อม ก่อนที่จะพยายามเข้าไปภายใน ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.18น. ของวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ได้พยายามเข้าไปภายในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสกัดกั้นเอาไว้ได้ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเริ่มใช้อาวุธต่างๆ เพื่อต่อสู้ และมีผู้ชุมนุม 2 คนขึ้นไปบนอาคารสูงใช้อาวุธปืนยิงใส่ตำรวจ ทำให้ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ผบ.หมู่ จราจร สน.ตลาดพลู ถูกกระสุนเข้าที่หน้าอกด้านขวา เสียชีวิตและมีตำรวจได้รับบาดเจ็บอีก 34 ราย

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ 14 ราย โดยควบคุมตัวไปที่ ตชด.ภ.1 จ.ปทุมธานี ต่อมาเวลา 01.00 น. ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับการประกันตัวในวงเงินคนละ 40,000 บาท แต่ผู้ชุมนุม 3 คนในจำนวนนี้ ยังต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลคลองหลวง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนได้พิจารณาดำเนินคดีกับแกนนำที่พาผู้ชุมนุมเข้าไปก่อเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินทางไปปิดถนนวิภาวดีรังสิตทั้งขาเข้าและขาออก บริเวณหน้าสโมสรกองทัพบก และทำร้ายร่างกายนายเพชร ชูขวัญ อายุ 45 ปี คนขับรถแท็กซี่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎฯ

โฆษกบช.น.กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยได้มีประกาศฉบับที่ 13/2556 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ โดยได้ออกประกาศกำหนดดังนี้ 1.ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบหรือกระทำการยั่วยุ ปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่ ดังต่อไปนี้ ได้แก่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) และถนนบริเวณโดยรอบศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ได้แก่ ถนนมิตรไมตรี และถนนประชาสงเคราะห์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตหรือได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ให้รวมถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง และพื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องไปอีกในรัศมี 50 เมตร 2.ห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะในเส้นทางดังกล่าว เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น