ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - พ่อ-แม่ ร้องลูกชาย นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกฆ่าแขวนคออำพรางคดี เชื่อสาเหตุไปล่วงรู้เบาะแสเครือข่ายยาเสพติดภาคเหนือ ที่เปิดกิจการร้านแว่นตาบังหน้า อัดตำรวจโรงพักเมืองพิษณุโลก สรุปสำนวนปิดคดีชุ่ยๆ ชี้พบพิรุธหลักฐานการเสียชีวิตหลายประการ ร้องเรียนมาหลายหน่วยงาน ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปูด รพ.พระพุทธชินราช ลักไก่ไม่ผ่าพิสูจน์ศพก่อนลงความเห็นหนังสือรับรองการตายว่ามีสาเหตุจาก “สมองขาดเลือดจากการแขวนคอเสียชีวิต”
คลิกเพื่อรับชมคลิป...
วานนี้ (24 ธ.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ นางธีราพร บาลเดเรอร์ อายุ 50 ปี ภรรยาพร้อมด้วย Mr.Balderer Stephan Andrew อายุ 50 ปี สามีชาวสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางมาร้องเรียนกองบรรณาธิการข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการออนไลน์ กรณี นายนราธิป ตุ๊ดกัน อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นลูกชายถูกฆาตกรรมอำพรางคดี เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2555 ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งมี ร.ต.ท.ธเนตร วงษ์ปริง พงส.สภ.เมืองพิษณุโลก เป็นเจ้าของคดี ซึ่งสรุปสำนวนปิดคดีว่าลูกชายตนเองแขวนคอตายในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องพักของแฟนสาวที่ลูกชายไปติดพันก่อนเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย ทั้งที่ตนเองและสามีใหม่ชาวสวิตเซอร์แลนด์ทักท้วง และติดใจในการเสียชีวิตของลูกชายมาโดยตลอด
นางธีราพร เปิดเผยว่าลูกชายตนเองเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ แต่ต่อมาลูกชายได้คบหากับ น.ส.สกลรัตน์ เจริญสุขรุ่งเรือง อายุ 32 ปี แฟนสาวซึ่งเป็นพนักงานร้านแว่นตาแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งทั้งคู่ไปพักอาศัยอยู่ด้วยกันภายในห้องพักของร้านแว่นตาดังกล่าวที่สร้างไว้ให้พนักงานอยู่จำนวนหลายห้อง ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 สัปดาห์ ลูกชายได้เลิกรากับแฟนสาวแล้วเดินทางกลับมาพักอาศัยอยู่กับตนที่จังหวัดสุโขทัย โดยมักโทรศัพท์มาปรึกษาปรับทุกข์ถึงพฤติกรรมของแฟนสาวที่ไม่เหมาะสม ตนก็ได้บอกกลับไปว่า “ถ้าทนไม่ไหวก็เลิกรากันไปแล้วกลับมาอยู่บ้านกับแม่ไม่ต้องไปคิดมาก”
เมื่อลูกชายกลับมาอยู่กับตนเเล้วจะเดินทางไปสมัครสอบเป็นนักเรียนพลตำรวจ แต่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน โดยบอกว่าติดอยู่ที่แฟนสาว เนื่องจากเอาบัตรประชาชนไปไว้กับร้านเช่าแผ่นหนังดีวีดีแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก จึงได้มาบอกตนว่าจะเดินทางไปเอาบัตรประชาชนกลับคืนมา ในวันที่ 26 พ.ค.2555 ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางจากจังหวัดสุโขทัยไปจังหวัดพิษณุโลกประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยลูกชายบอกว่าหากได้มาแล้วจะรีบเดินทางกลับบ้านทันที โดยไม่มีท่าทีว่าจะเกิดเหตุร้ายกับลูกชายแต่อย่างใด
ตนมาทราบข่าวอีกทีในช่วงเวลา 18.30 น.วันที่ 26 พ.ค.ภายหลังอดีตแฟนสาวลูกชายโทรศัพท์มาแจ้งตนเองว่าลูกชายผูกคอเสียชีวิตแล้วในห้องพักที่อยู่ด้วยกันให้เดินทางมาด่วน ตนจึงรีบเดินทางไปดูศพลูกชายที่ รพ.สมเด็จพระพุทธชินราช และติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีได้รับคำตอบว่าลูกชายตนผูกคอเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งตนได้ทักท้วงไปว่าตนติดใจในสาเหตุการเสียยชีวิตของลูกชาย โดยเชื่อว่าลูกชายน่าจะถูกฆาตกรรมอำพรางคดีมากกว่า เนื่องจากลูกชายไปรับรู้ความลับภายในร้านแว่นตาที่แฟนสาวทำงานอยู่ว่าน่าจะมีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเปิดร้านขายแว่นตาบังหน้า ซึ่งตนได้พยายามเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงตามความสงสัยที่ตนเองตั้งข้อสังเกตหลายประการด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ หรือตรวจสอบแต่อย่างใด
นางธีราพร ตั้งข้อสังเกตว่าลูกชายอาจถูกฆ่าก่อนแล้วนำศพมาอำพรางคดีด้วยการจับผูกแขวนคอกับประตูห้องพัก ซึ่งผิดวิสัยคนที่จะฆ่าตัวตายได้ เนื่องจากตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในอาคารดังกล่าวแล้วพบพิรุธหลายประการด้วยกัน เนื่องจากก่อนเกิดเหตุลูกชายได้เดินทางไปถึงหน้าอาคารที่พักของแฟนสาว แล้วออกไป 1 ครั้ง ก่อนจะเดินทางกลับเข้ามาใหม่ มีการพบปะพูดจากับแฟนสาว ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องพักดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีคนร้ายจำนวนหลายคนซุ่มอยู่ภายในห้องพักแล้วทำร้ายลูกชายตนจนเสียชีวิตแล้วช่วยกันอำพรางศพเป็นการแขวนคอจนเสียชีวิตแทน
นางธีราพร ระบุด้วยว่าภายหลังตนได้ทักท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีไป แต่ทางตำรวจบอกให้ตนรอผลการชันสูตรศพจาก รพ.พระพุทธชินราช ซึ่งแจ้งตนว่าได้ผ่าพิสูจน์ศพแล้วลงความเห็นว่าลูกชายตนเสียชีวิตด้วยสาเหตุ “สมองขาดเลือดจากการแขวนคอเสียชีวิต” ลงวันที่ 27 พ.ค. 2555
อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าลูกชายตนจะฆ่าตัวตายจริงๆ เนื่องจากจับพิรุธจากภาพถ่ายลูกชายในที่เกิดเหตุได้ว่ามีเงินติดตัวอยู่ประมาณ 4 พันบาท ซึ่งถ่ายโดยเจ้่าหน้าที่กู้ภัยฯ โดยมีรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย แต่เมื่อตนไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกกับตนว่าผู้ตายไม่มีเงินติดตัวแต่อย่างใด ในขณะที่ภาพถ่ายระบุชัดเจนว่าลูกชายมีเงินติดตัวอยู่ ถือเป็นสิ่งน่าเคลือบแคลงใจ และน่าสงสัยว่าอาจมีการช่วยกันปกปิดหลักฐานอะไรบางอย่าง เพื่อไม่ให้เชื่อมโยงไปถึงผู้ก่อเหตุได้ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุลูกชายได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าแฟนสาวจะคืนเงินที่ยืมไปให้ซึ่งตนก็บอกไปว่าไม่ต้องไปเอาหรอกเลิกรากันไปแล้ว แต่ลูกชายก็ยังยืนยันว่าจะขอรับเงินคืน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าลูกชายตนเองจะถูกวางแผนล่อลวงมาฆาตกรรมอำพรางคดี โดยการจัดฉากว่าเป็นการแขวนคอเสียชีวิต ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุจากการที่ลูกชายตนไปทราบเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานที่ดังกล่าว ที่เปิดกิจการร้านแว่นตาบังหน้า
นางธีราพร กล่าวด้วยว่าสาเหตุที่เชื่อเช่นนั้น เนื่องจากวันรุ่งขึ้นหลังลูกชายตนเสียชีวิต ตนได้เดินทางไปตรวจสอบห้องที่เกิดเหตุ พบว่ามีการเก็บกวาดทำความสะอาดเป็นอย่างดี โดยอดีตแฟนสาวลูกชายทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และตรวจสอบพบว่าประตูที่ลูกชายแขวนคอตายนั้น ได้หายไปจากที่เกิดเหตุอย่างน่าสงสัย เมื่อสอบถามอดีตแฟนสาวอ้างว่าเอาไปบริจาคให้แก่วัด เนื่องจากเกรงกลัววิญญาณลูกชาย ตนจึงติดตามไปจนพบว่าประตูดังกล่าวไปอยู่กับชายคนหนึ่งอ้างว่าได้ประตูมาจากวัด โดยนำมาเก็บไว้ที่หลังบ้านเอาสิ่งของทับอยู่ เมื่อตนนำมาตรวจสอบพบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงลูกบิดประตู ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลูกชายตนเสียชีวิต เนื่องจากพบบาดแผลเจาะที่บริเวณหน้าผากศีรษะด้านขวาของลูกชายเป็นรอยบุบยุบลงไป และที่โหนกคิ้วขวามีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำคล้ายถูกสิ่งของแข็งกระเเทก
นอกจากนี้ตนยังได้นำศพลูกชายไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ด้วยหลังจากที่ รพ.สมเด็จพระพุทธชินราช อ้างว่าได้ผ่าพิสูจน์ศพลูกชายตนเองแล้ว ซึ่งทางสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ได้ระบุว่าศพลูกชายยังไม่เคยได้รับการผ่าพิสูจน์แต่อย่างใด โดยภายหลังผ่าพิสูจน์ศพลูกชายได้ลงความเห็นว่าลูกชายตนเองเสียชีวิตด้วยการขาดอากาศหายใจ ประเด็นนี้ทำให้ตนเองและสามีติดใจเป็นอย่างมากว่าแล้วเหตุใด รพ.สมเด็จพระพุทธชินราช จึงออกหนังสือรับรองการตายของลูกชายตนว่าเป็น “สมองขาดเลือดจากการแขวนคอเสียชีวิต” ได้ ทั้งที่ไม่ได้ผ่าพิสูจน์ศพ แต่มาบอกตนและสามีว่าได้ผ่าพิสูจน์ศพลูกชายแล้ว
ด้าน Mr.Balderer Stephan Andrew พ่อบุญธรรม กล่าวว่าตนและภรรยาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากกรณีการเสียชีวิตของลูกชายมาโดยตลอด อาทิ 1.สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 2.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งขาติ 3.กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ 4.คณะกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร 5.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ 6.รัฐสภา 7.กองปราบปราม 8.สำนักงาน ปปท.9.สำนักงานอัยการ จังหวัดพิษณุโลก 10 สำนักงานอัยการสูงสุด และ 11. เลขาธิการแพทย์สภา
ที่ผ่านมาตนพยายามสืบค้นข้อมูลร่องรอยการเสียชีวิตของผู้ที่แขวนคอฆ่าตัวตาย ทราบว่าผู้เสียชีวิตต้องมีร่องรอยจากการถูกรัดที่บริเวณลำคอเป็นรอยเขียวช้ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ของลูกชายตนภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯถ่ายไว้ในที่เกิดเหตุไม่มีแต่อย่างใด จนสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงไปตรวจสอบ ก็ปรากฏภาพถ่ายที่บริเวณลำคอลูกชายตนมีร่องรอยการแขวนคอเกิดขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าภาพถ่ายดังกล่าวอาจมีการใช้เทคนิคทางคอมพิวเตอร์ตกแต่งภาพขึ้นได้ ซึ่งมันขัดแย้งกับภาพถ่ายที่ได้ในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตามตนและภรรยาขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้มีการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของลูกชายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาตนและภรรยาได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เป้นจำนวนมากที่ขัดแย้งว่าลูกชายแขวนคอฆ่าตัวตายเอง ประตูบานดังกล่าวตนและภรรยาก็ยังมีการนำมาเก็บไว้เป็นอย่างดีทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าลูกชายตนแขวนคอฆ่าตัวตาย หรือถูกฆาตกรรมแล้วนำศพมาแขวนคอเพื่ออำพรางคดี ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น่าจะให้คำตอบได้ดีที่สุด