DSI เตรียมรับตัวแกนนำ 37 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมส่งตัวไปศาลขอหมายขังทันที ขู่หากนำมวลชนมาบุกดีเอสไอจะดำเนินคดีเพิ่ม ระบุแกนนำใช้ ปชช.เป็นโล่มนุษย์กันไม่ให้มีการเข้าจับกุม จนท.จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าปะทะ เพราะจะทำให้ประชาชนอาจบาดเจ็บล้มตายได้ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะดำเนินการทันที ชี้คดีมีอายุความ 20 ปี
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวภายหลังจากการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับตัวผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส.ว่า ตามที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และให้ออกหมายเรียกแกนนำสำคัญคนอื่นๆ มารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งตนได้ดำเนินการออกหมายเรียกแกนนำรวมทั้งสิ้นอีก 37 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานขู่เข็ญเพื่อล้มล้างอำนาจบริหารหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ (เป็นกบฏ ม.113), ยุยง ส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย (ม.116), มั่วสุมเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง (ม.215) และหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นผู้แทนรัฐต่างประเทศ (ม.134) เป็นต้น
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินการจัดส่งหมายเรียกให้มีผลตามกฎหมายครบถ้วนทั้ง 37 คนแล้ว โดยผู้ต้องหาแต่ละคนถูกกำหนดต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมพฤติการณ์ของการกระทำผิด ในวันที่ 26-27 ธันวาคม 2556 และวันที่ 2-3 มกราคม 2557 ตามที่ระบุในหมายเรียก ซึ่งดีเอสไอได้มีการจัดเตรียมสถานที่และพนักงานสอบสวนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่จะทำการสอบสวนผู้ต้องหาแต่ละคนจะต้องกระทำร่วมกัน 3 องค์กร คือ ดีเอสไอ ตำรวจ และอัยการ เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า หลังจากได้แจ้งข้อกล่าวหาแกนนำแต่ละคนแล้ว จะนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาเพื่อขอศาลออกหมายขังทุกคน โดยจะคัดค้านการประกันตัวด้วย เพราะทุกคนล้วนแต่กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ก็ยังไม่งดเว้นหรือเลิกละการกระทำผิด ซึ่งหากได้รับการปล่อยตัวไปก็จะไปร่วมกระทำผิด ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีกอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดนัดหมายแล้วมีแกนนำที่ตกเป็นผู้ต้องหาคนใดไม่มาตามกำหนด ก็จะดำเนินการขอศาลอาญาออกหมายจับในทันที และหากแกนนำคนใดนำมวลชนมาปิดล้อมอาคารดีเอสไออีก นอกจากจะดำเนินคดีเพิ่มเติมฐานบุกรุกสถานที่ราชการแล้วจะดำเนินคดีฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย และแม้ว่าในขณะนี้แกนนำที่ตกเป็นผู้ต้องหาทั้ง 37 คน จะใช้มวลชนเป็นโล่ห์มนุษย์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าจับกุม ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าปะทะ เพราะจะทำให้ประชาชนอาจบาดเจ็บล้มตายได้ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะดำเนินการทันที เพราะคดีมีอายุความถึง 20 ปี
