ศาลยกฟ้อง “ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” แถลงข่าว “ส.ว.รสนา โตสิตระกูล” จะโยกคดี พธม.ไปให้ดีเอสไอ ชี้เป็น ส.ส.ตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้
ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (19 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.3982/2553 ที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 กรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2553 จำเลยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทำนองว่า มีความพยายามจะให้คดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยโจทก์เป็นตัวตั้งตัวตี
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลย เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรค ซึ่งถ้อยคำที่กล่าวใช้คำว่าพยายาม ซึ่งไมใช่การชี้ชัดยืนยันว่ามีการโอนคดีไปแล้วแต่อย่างใดและไม่ได้ระบุการความพยายามนั้นมีวิธีการอย่างไร ลักษณะเป็นการกล่าวตั้งคำถาม โดยยังปรากฏตามรายงานด้วยว่าคณะกรรมาธิการ ส.ว.ก็ได้มีการเชิญ ผบ.ตร.และ ผช.ผบ.ตร.พูดคุยนอกรอบ แต่ไม่ได้เดินทางมาคงมีตัวแทนมา ส่วนที่จำเลยระบุว่าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นั่งอยู่ในห้องด้วยนั้น ก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าโจทก์จะเป็นผู้ดำเนินการแทรกแซงข้าราชการ ใช่อำนาจไม่ชอบ หรือรับคำสั่งรัฐบาลที่จะผลักดันทำให้คดีกลุ่ม พธม.ไปอยู่ในความรับผิดชอบ ของ ดีเอสไอ อีกทั้งข้อเท็จจริงปรากฏว่าทางปฏิบัติ ส.ว.ไม่อาจสั่งโยกคดีใดๆ ไปอยู่ในความดูแลของดีเอสไอได้ ประกอบกับโจทก์ยอมรับ ช่วงที่กลุ่ม พธม.ชุมนุมได้เชิญโจทก์ไปยังเวทีปราศรัย ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์กับกลุ่ม พธม.เป็นพวกเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท จึงพิพากษายกฟ้อง
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีการจัดเลือกตั้งว่า ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งฯ ระบุชัดเจนว่า การเลือกตั้งจะต้องอยู่ในกรอบ 60 วัน ถ้าหากไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นมีแค่ 2 แนวทางที่จะเป็นไปได้ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นำมวลชนไปปิดล้อมสถานที่รับสมัครการเลือกตั้งจนไม่มีใครสามารถไปลงสมัครได้ หรือยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งเป็นโมฆะ
