นศ.รามคำแหง ชุมนุมขีดเส้น สน.หัวหมาก รับผิดชอบคดีถูกการ์ดเสื้อแดงล้อมฆ่าภายใน 7 วัน พร้อมยกระดับการชุมนุมอีกครั้ง ชี้่เสื้อแดงเผารถทัวร์เพื่อสร้างสถานการณ์คืนเกิดเหตุ แม่เหยื่อถูกเผาบนรถทัวร์วอนขอความเป็นธรรม ยันลูกไม่ใช่หัวขโมย จี้สอบอาจถูกฆ่าก่อนเผารถเพื่ออำพรางคดี
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งชาวบ้านย่านรามคำแหงกว่า 100 คน ได้นัดรวมกลุ่มเดินทางไปยัง สน.หัวหมาก เพื่อยื่นหนังสือแถลงการณ์ความรับผิดชอบกรณีกลุ่มนักศึกษาและชาวบ้านถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทำร้ายและล้อมยิงจนบาดเจ็บและเสียชีวิต
โดยนายอนิวัฒน์ นาคเป้า อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ อ่านแถลงการณ์ว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงที่นัดชุมนุมกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยทำร้ายและใช้มีดกรีดรูปพ่อขุนซึ่งเป็นป้ายคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สร้างความไม่พอใจแก่นักศึกษาเป็นอย่างมาก
นายอนิวัฒน์กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 29 พ.ย.ได้มีการประชาสัมพันธ์ทางโลกออนไลน์และพูดกันปากต่อปาก จนนักศึกษาทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบันรวมตัวกันเป็นจำนวนมากเพื่อหารือถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว จากนั้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.เวลา 13.00 น. ทางนักศึกษาได้ทำหนังสือหารือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก และสน.วังทองหลาง เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับหนังสือและรับปากว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้
นายอนิวัฒน์กล่าวอีกว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อกลุ่มมือที่ 3 พยายามปุกปั่นยุยงให้เกิดความรุนแรง โดยการปิดถนนหน้ามหาวิทยาลัย พร้อมทั้งสร้างสถานการณ์ทุบตีรถโดยสารและทำร้ายกลุ่มคนเสื้อแดงที่อยู่ในรถ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ใช่วิธีการของนักศึกษารามคำแหง จากนั้นแกนนำนักศึกษาก็ได้เรียกนักศึกษาถอยเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย เหลือแต่เพียงกลุ่มผู้ไม่หวังดียืนอยู่นอกรั้ว จากนั้นกลุ่มคนที่แฝงมาอยู่นอกรั้วได้ปาระเบิดปิงปอง ปะทัดยักษ์และมีเสียงปืนดังขึ้นหลายครั้ง นักศึกษาจึงวิ่งมาออกันอยู่ที่ลาน สวป.ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อความปลอดภัย แต่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นตลอดทั้งคืน กระทั่งเวลา 06.30 น.ของวันที่ 1 ธ.ค.ก็ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงวิ่งกรูกันเข้ามาทางหน้ามหาวิทยาลัยและปีนกำแพงเข้ามายิงและทำร้ายนักศึกษาจนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางประชาคมชาวรามคำแหงได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้ามาทำการคุ้มครองและช่วยเหลือนักศึกษาที่ถูกล้อมยิงเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่มีตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับหนังสือและรับปากว่าจะมาดูแลความปลอดภัยให้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจแก่ประชาคมชาวรามคำแหงเป็นอย่างมาก จึงได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าวเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีและแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
นายอนิวัฒน์กล่าวว่า 1. ขอให้ตำรวจนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็วที่ 2. ขอให้มีการตรวจสอบการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร่งด่วน 3. ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งชี้แจงว่าเหตุใดจึงไม่สามารถเข้ามาดูแลความปลอดภัยของนักศึกษาได้ และ 4. ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงท่าทีที่ชัดเจนถึงความรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นของนักษาและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งชี้แจงถึงประประเด็นดังกล่าวภายใน 7 วัน หากยังไม่มีการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องจะมีการยกระดับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ ผกก.สน.หัวหมาก มารับหนังสือแถลงการณ์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงภายในวันนี้ หากยังไม่มารับจะพิจารณาเคลื่อนขบวนไปที่ สน.หัวหมากทันที
ด้านนางนฤมล คำพยัคฆ์ อายุ 36 ปี พร้อมด้วยนายพิมรา คำแปงใจ อายุ 41 ปี พ่อแม่ของนายสุรเดช คำแปงใจ อายุ 17 ปี ที่ถูกเผาจนเหลือแต่กระดูกในรถบัสของกลุ่มเสื้องแดงในวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็ได้เข้าร่วมเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ลูกชายด้วย โดยนางนฤมลกล่าวว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้าน ส่วนสามีเป็นช่างรับเหมาทาสี ครอบครัวตนมีลูก 3 คน ผู้ตายเป็นลูกคนกลาง อย่างไรก็ตาม ก่อนเกิดเหตุซึ่งเป็นวันที่ 30 พ.ย.ลูกชายเล่าว่า ขณะที่กำลังเดินซื้อของกับเพื่อนในตลาดนัดหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อเดินออกมาได้ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงปาระเบิดปิงปองใส่ แต่โชคดีที่ลูกชายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 1 ธ.ค.ตนได้โทร.ถามลูกชายว่าอยู่ที่ไหน เขาบอกว่ามาชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยเป็นการ์ดอาสาเพราะโกรธที่ถูกคนเสื้อแดงปาระเบิดใส่ จากนั้นก็ไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย กระทั่งมาทราบข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว
“เมื่อรู้ข่าว ฉันในฐานะหัวอกคนเป็นแม่ร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา เสียใจมากที่สุดในชีวิต และยิ่งตอนลูกตายไปแล้วยิ่งเสียใจมากกว่าอีกที่สื่อมวลชนบางสำนักกล่าวหาว่าลูกชายขึ้นไปขโมยของบนรถทัวร์และสำลักควันเสียชีวิต ฉันอยากขอความเป็นธรรมให้ลูกชายด้วย เพราะฉันเลี้ยงลูกมากับมือย่อมทราบดีว่าเขาไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบด้วยว่าลูกชายถูกฆ่าตายแล้วเอาศพไปซ่อนในรถทัวร์หรือเปล่า” นางนฤมลกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
นางนฤมลกล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุแล้วเจ้าหน้าที่เพียงเรียกตนมาสอบถามประวัติลูกชายและตรวจดีเอ็นเอเท่านั้น โดยไม่ได้บอกถึงความคืบหน้าทางคดี และตอนนี้ศพของลูกก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กลุ่มนักศึกษาและชาวบ้านจะทำการเคลื่อขบวนไปที่ สน.หัวหมาก เพื่อทวงถามถึงเรื่องดังกล่าว แต่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีจะสร้างสถานการณ์ไปเผาโรงพักและลอบทำร้ายผู้ชุมนุม ทางกลุ่มจึงมีมติรอดูท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ได้เดินทางมารับมอบหนังสือแถลงการณ์แล้วเดินทางกลับทันที โดยรับปากว่าจะมาแจ้งผลภายใน 7 วัน ทำให้นักศึกษาและชาวบ้านแยกย้ายกันไป โดยที่ไม่เดินทางไป สน.หัวหมากแต่อย่างใด จากนั้นผู้ชุมนุมได้นำพวงหรีดที่เตรียมนำไปวางที่ สน.หัวหมากมาวางไว้ที่หน้ามหาวิทยาลัยแทน