บช.ปส.แถลงผลจับกุมยาเสพติด 3 คดีรวด ได้ตัวผู้ต้องหาทั้งสัญชาติไทยและพม่า พร้อมยึดของกลางยาบ้ากว่า 4 แสนเม็ด ยาไอซ์ 3 กก. ผงขาวกว่า 200 กก.
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 ธ.ค.) พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ภานุเดช บุญเรือง ผบก.ปส.3 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีเกี่ยวกับยาเสพติด 3 คดี
คดีที่ 1 จับกุมนายณัฐพงษ์ หรือณัฐ เวียงสิมมา อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 442,000 เม็ด รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน ถข 9671 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถ.เพชรเกษม กม.466-476 (กรุงเทพฯ-ชุมพร) หมู่ 2 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.สุรพลกล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทาง บช.ปส.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจชุมพร ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจหลัก กม.ที่ 466-467 ต.หงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 10 ธ.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตั้งด่านจุดตรวจนั้นได้พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ เลขทะเบียน ถข 9671 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาท่าทางมีพิรุธ ทางเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดรถ มีนายณัฐพงษ์เป็นผู้ขับขี่ จึงขอทำการตรวจค้น เนื่องจากเห็นนายณัฐพงษ์มีอาการคล้ายคนเมายา และพบยาบ้าตกอยู่ที่บริเวณคอนโซลหน้ารถ จากการตรวจสอบพบยาบ้าได้ซุกซ่อนอยู่ภายในคอนโซลรถคันดังกล่าวจำนวน 442,000 เม็ด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีผู้ติดต่อให้ตนนำยาบ้าดังกล่าวไปส่งยัง จ.สุราษฎร์ธานี ในราคาว่าจ้าง 100,000 บาท โดยได้เดินทางไปรับยาบ้าจากที่ห้างบิ๊กซี จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะนำไปส่งที่ห้างโลตัส จ.สุราษฎร์ธานี แต่ขณะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวพร้อมของกลางดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ได้ขยายผลจับกุมผู้ที่มารับยาเสพติดล็อตดังกล่าวจนสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 ราย คือ นายสหพล หรือเอก ฤทธิ์รัตน์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางแผ่นบันทึกการส่งมอบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว-น้ำตาล ไม่ทราบรุ่นและหมายเลขทะเบียน 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าศูนย์เชฟโรเลต ริมถนนเพชรเกษม เลขที่ 159 ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.4 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลการจับกุมดำเนินการยึดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่ายตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ปส.ได้ทำการจับกุมตัวมิสเตอร์ ไซ คำ อายุ 35 ปี เชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติพม่า พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือไอซ์) จำนวน 3 ก้อน (น้ำหนักประมาณ 3 กก.) โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมท๊อปนอร์ท ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. เวลาประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ภานุเดชกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากได้รับแจ้งจากสายว่านายไซ คำ กับพวกชาวพม่ามีพฤกรรมต้องสงสัยว่าจะลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการสืบสวนและทราบว่านายไซและเพื่อนชาวพม่ามีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดจริงจริง จึงได้ติดตามจับกุมนายไซขณะมายืนรอรับเงินค่ายาเสพติดดังกล่าวที่ตลาดแม่สาย ต่อมาได้ตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 3 กก. ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้ส่งมอบยาเสพติดดังกล่าวโดยวางไว้ที่บริเวณริมถนนสายโชตนา ต.อินทขลิบ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีและขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ บช.ปส.จับกุม นางดลฤดี หรือพิมพ์ แอพเทค อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 197/2556 ลงวันที่ 26 ก.ย. 2556 ในข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 213 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 9 ซ.67 แขวงและเขตประเวศ
พล.ต.ต.ภานุเดชกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2556 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. ได้ทำการสืบสวนและจับกุมนายศุภเดช บุญเจริญ กับพวกจำนวน 4 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นเฮโรอีน ชนิดผงขาวอัดแท่ง น้ำหนักประมาณ 233 กก. ที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีดังกล่าวนั้น ทราบว่าด้านนางดลฤดี ผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยโดยมีหน้าที่ในการจัดหารถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ อีกทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูลและทราบว่านางดลฤดี ได้กลับมาหลบซ่อนในบ้านเลขที่ 213 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 9 (บ้านที่เกิดเหตุ) จึงได้ทำการเข้าจับกุมตามหมายจับดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหาว่า สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป