xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง “น้องเนวิน” ฟ้อง ASTVผู้จัดการแพร่ข่าวสินบนโยกย้ายมหาดไทย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ (แฟ้มภาพ)
ASTVผู้จัดการ - ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องคดี “ศักดิ์สยาม” ฟ้อง ASTVผู้จัดการหมิ่นประมาท กรณีเผยแพร่ข่าวสินบนโยกย้ายมหาดไทยตั้งแต่ปี 2553 “ตุลย์” ลั่นอาจฟ้องกลับข้อหากลั่นแกล้ง

วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์ได้นัดฟังคำพิพากษาในคดี อ.737/2553 ที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต ส.ส.จังหวัดบุรีรัมย์ และอดีตประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย, บริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการ จำกัด และนายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณา หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา

ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาอย่างย่อ โดยยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3 เนื่องจากเห็นว่าการเสนอข่าวของเอเอสทีวีผู้จัดการเป็นไปตามข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอื่น อีกทั้งข้อมูลที่นำเสนอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่มีการอภิปรายกันในสภาฯ ถือว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ติชมด้วยความเป็นธรรมและรายงานข่าวเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง ส่วนนายจาดุร อภิชาตบุตร จำเลยที่ 1 นั้นศาลได้พิพากษายกฟ้องไปแล้ว ตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์

อนึ่ง กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 โดยจำเลยที่ 1 ได้อภิปรายในการจัดสัมมนาเรื่อง “ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย ศีกษากรณีกระทรวงมหาดไทย” ของคณะกรรมการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและสร้างธรรมมาภิบาลวุฒิสภา ที่อาคารรัฐสภา 2 กล่าวหาว่าโจทก์ในฐานะประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการจัดการในการซื้อขายและการโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะการแต่งตั้งอธิบดีที่เกี่ยวกับการก่อสร้างทาง มีการจ่ายเงินหรือเรียกรับเงินกันถึง 300-400 ล้านบาท

ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้นำเสนอข่าวการอภิปรายดังกล่าว ซึ่งเป็นการกล่าวหาโจทก์ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการได้ตามใจตนเอง และทำสิ่งไม่ดี ทำสิ่งเลวร้ายด้วยการเรียกรับเงินซื้อขายตำแหน่ง ทั้งที่ทราบดีว่าเป็นข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง สร้างความเสียหายต่ออาชีพและหน้าที่การงานของโจทก์ จึงขอเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง และขอให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งคดีนี้ศาลได้ยกฟ้อง นายจาดุร อภิชาตบุตร จำเลยที่ 1 ไปตั้งแต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว

ทั้งนี้เมื่อ วันที่ 24 ต.ค. 2555 ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นบริษัท เอเอสทีวีผู้จัดการและบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา แม้ข้อความดังกล่าวจะเป็นการหมิ่นประมาท แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าผู้เขียนหรือผู้ประพันธ์ข้อความดังกล่าวเป็นใคร หรือจำเลยที่ 2-3 เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร อีกทั้งได้มีพระราชบัญญัติ จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 มาใช้แทน พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 ซึ่งระบุว่าบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาไม่ต้องรับผิด เพราะไม่ใช้ผู้เขียน หรือผู้แถลง หรือผู้อภิปราย จึงไม่ต้องรับโทษ อีกทั้งเนื่องจากตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 นั้นมุ่งเอาผิดเฉพาะผู้จดแจ้งเว็บไซต์ ที่สามารถตรวจสอบกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของเว็บไซต์ แต่ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นศาลว่าจำเลยที่ 2 เกี่ยวข้องเป็นผู้จดทะเบียนเว็บไซต์หรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ จึงยังฟังไม่ได้จำเลยที่ 2-3 กระทำผิด พิพากษายกฟ้อง

ด้านนายตุลย์ บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าในคดีนี้อาจจะมีการดำเนินคดีกลับ เนื่องจากเห็นว่านายศักดิ์สยามมีเจตนาไม่บริสุทธิ์พยายามกลั่นแกล้งให้ตนและหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ ได้รับโทษทางอาญา
กำลังโหลดความคิดเห็น