ศอ.รส.เผยเตรียมรับมือม็อบวันที่ 24 พ.ย.นี้ คาดมีมวลชน 7 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชาว กทม. ระบุ นปช.ตั้งม็อบในวันเดียวกันที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ลั่นจะป้องกันไม่ให้ 2 กลุ่มเผชิญหน้า หวั่นเกิดเหตุรุนแรง
วานนี้ (23 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ตรีปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองว่า จากรายงานการข่าวของสันติบาล และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานตรงกันว่า มวลชนที่จะเข้ามาชุมนุมในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนใหญ่จะเป็นมวลชนในกรุงเทพมหานคร ส่วนมวลชนจากต่างจังหวัดพบว่ามีความเคลื่อนไหวในบางจังหวัด และประเมินว่า จะมีผู้ชุมนุมสูงสุดประมาณ 70,000 คน โดยตำรวจกังวลว่า จะมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในบางจุดที่มีการเผชิญหน้ากันของกลุ่มผู้ชุมนุม และแนวกำลังตำรวจที่รักษาพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และจากการข่าวยังพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีแนวโน้มในการเคลื่อนไหวในลักษณะดาวกระจายไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ หลายแห่งในวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยด้วยความอดทน และไม่ใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังสั่งการให้มีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 40 นายต่อ 1 ชุด ในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมประจำจุดที่คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไปเคลื่อนไหวปิดกั้นสถานที่
พล.ต.ต.ตรีปิยะกล่าวอีกว่า ศอ.รส.มีการปรับแผนรองรับ และเตรียมกำลังตำรวจในพื้นที่ต่างๆ ระลอกที่ 2 เพื่อพร้อมสนับสนุนกรณีที่มีการเรียกกำลังมาเสริมเพิ่มเติมไดัทันที พร้อมย้ำว่าการชุมนุมใดที่เป็นไปด้วยความรุนแรงไม่เป็นไปตามกฎหมาย ตำรวจจะดำเนินการตามมาตรการของกฏหมายอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการจราจรในพื้นที่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) มีการปิดถนนบริเวณแยกนางเลิ้ง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ผ่านในบริเวณดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีการจัดกำลังตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ที่มีการชุมนุมแล้ว
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โฆษก ศอ.รส.กล่าวว่า ทาง ศอ.รส.ได้ประสานกับแกนนำ นปช. พบว่ามีการแจ้งว่าจะนัดชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.เป็นต้นไป โดยไม่มีการเคลื่อนไหวไปยังสถานที่อื่น ซึ่ง ศอ.รส.ได้จัดกำลังในการดูแลความสงบเรียบร้อย และจะป้องกันไม่ให้มวลชนทั้งสองกลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองเกิดการเผชิญหน้าจนนำไปสู่ความรุนแรงได้
