xs
xsm
sm
md
lg

ศาลจำคุกอ่วม แก๊งปล้นบ้านนักธุรกิจสาวย่านลาดพร้าว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจจับกุมแก๊งปล้นบ้าน น.ส.สาวิณี พิกุลหอม นักธุรกิจสาว (แฟ้มภาพ)
ศาลอาญาจำคุกอ่วม แก๊งปล้นบ้านนักธุรกิจสาวย่านลาดพร้าว จับผู้เสียหายมัดมือมัดเท้า กวาดทรัพย์สินแหวนเพชร สร้อยคอทองคำ มูลค่าเกือบ 3 ล้าน พร้อมสั่งชดใช้เงินที่เหลืออีก 2 ล้านกว่าบาท

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมงคล บุญเต็ม อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 21/33 ซ.เคหะคลองเตย 3 แขวงและเขตคลองเตย กทม. นายดรัล แซ่ตั้ง อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 52 ม.1 ต.บ้านกุ่ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี และ น.ส.ธนนันธ์ จิราภรณ์สิริกุล อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 146 ม.11 ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิด ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธและยานพาหนะเพื่อสะดวก และให้พ้นผิดจากการกระทำผิด

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2555 เวลาประมาณ 07.00 น. นายมงคล และนายดรัล กับพวกอีก 2 คนได้นั่งซ้อนจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน พากันบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 312/30 หมู่บ้านเมอริท เพลส ซอยลาดพร้าว 87 แยก 10 ถ.ลาดพร้าว แขวงเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม. ของ น.ส.สาวิณี พิกุลหอม อายุ 27 ปี นักธุรกิจสาว ก่อนขึ้นไปบริเวณห้องนอนชั้น 2 ของบ้านแล้วจับผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิง 3 คน ขณะกำลังนอนหลับพักผ่อน และมัดมือมัดเท้าและใช้เทปกาวไนลอนปิดปากเพื่อไม่ให้ขัดขืน และใช้อาวุธปืนลูกโม่บังคับเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย 29 รายการ เช่น เครื่องประดับ แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ นาฬิกาฝังเพชร เหรียญพระบูชา โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,569,800 บาท ก่อนพากันหลบหนีไป ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.และตำรวจ สน.โชคชัย สามารถติดตามจับกุมจำเลยทั้งสามได้ โดยจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า น.ส.ธนนันท์ จำเลยที่ 3 เคยรู้จักเป็นเพื่อนกับ น.ส.มณีวรรณ หรือจ๋า พิกุลหอม ผู้เสียหาย โดยเคยมาเที่ยวบ้านที่เกิดเหตุ และเป็นคนชี้บ้านเป้าหมายให้จำเลยที่ 1 และ 2 กับพวกบุกเข้าบ้านเพื่อไปปล้นทรัพย์ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุพบว่า จำเลยได้ร่วมกันประชุมวางแผนที่ห้องพักของ น.ส.ธนนันท์ จำเลยที่ 3 ที่ห้องพักคอนโดลุมพินีเพลส พระราม 9 และมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่กระทำผิด โดยจำเลยที่ 1 และ 2 สวมหมวกกันน็อกเปิดกระจก ส่วนคนร้ายที่เหลือใส่หมวกแก๊ปออกจากคอนโดฯ ของจำเลยที่ 3

นอกจากนี้ คำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสามซึ่งเป็นประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์โดยตลอด สามารถจดจำใบหน้าของพวกจำเลยที่ใช้เวลาปล้นทรัพย์นานประมาณ 30 นาที อีกทั้งพยานไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองที่จะเบิกความใส่ร้ายพวกจำเลยให้ต้องรับโทษ เชื่อว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนจำคุก จำเลยที่ 1 รวม 23 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 รวม 21 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนผู้อื่นในการปล้นทรัพย์ จำคุก 15 ปี จำเลยที่ 1 รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 11 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 14 ปี จำเลยที่ 3 จำคุก 10 ปี และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือชดใช้ทรัพย์สินที่ยังขาดอีก 2,045,900 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หัวหน้าแก๊งคนร้ายที่พากันบุกปล้นบ้านนักธุรกิจสาวคดีนี้ คือ นายขวัญชัย หรือดำ จุ้ยมณี หัวหน้านักค้ายาเสพติดรายใหญ่แก๊งท่าอิฐ ซึ่งเคยก่อเหตุใช้อาวุธสงครามปืนอาก้ายิงถล่มตำรวจ บก.สส.บช.น. คือ ด.ต.อรุณ แดงสมุทร เสียชีวิต และ ส.ต.อ.นพดล เหมือนดี ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2553 ขณะทำการล่อซื้อยาเสพติดกับแก๊งดังกล่าว จากการตรวจสอบประวัตินายขวัญชัย หรือดำ พบว่ามีหมายจับอยู่หลายท้องที่

ต่อมาภายหลังก่อเหตุปล้นทรัพย์บ้านนักธุรกิจสาวแล้ว เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2555 นายขวัญชัย หัวหน้าแก๊งก็ถูกคนร้ายดักยิงเสียชิวิตที่หมู่บ้านวรางกูร คลอง 3 หมู่ 10 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยตำรวจเชื่อว่ามูลเหตุน่าจะมาจากการขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด ส่วนอีกสาเหตุอาจมาจากการแบ่งทรัพย์สินกันไม่ลงตัวจากการปล้นบ้านนักธุรกิจสาวครั้งนี้ เพราะผู้ที่ถูกจับกุมได้ส่วนแบ่งเพียงไม่กี่พันบาท ในส่วนที่เหลือนายขวัญชัยเป็นคนเอาไปหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น