ศาลจำคุก 9 ปี หนุ่มก่อสร้างหลอกสาววัย 14 กระทำชำเราในห้องน้ำปั๊มน้ำมันย่านมักกะสัน แต่สารภาพลดโทษเหลือ 4 ปี 6 เดือน สืบเสาะประวัติพบเคยก่อคดีพรากผู้เยาว์ จึงไม่ให้รอลงอาญา
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (6 พ.ย.) ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีความผิดทางเพศ อ.819/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิโรจน์ เหลี่ยมจันทร์ อายุ 28 ปี ชาว จ.ชัยนาท อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานพรากและพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2555 เวลากลางคืน นายวิโรจน์ จำเลย กับ ด.ญ.บี อายุ 14 ปีเศษ ผู้เสียหาย พร้อมพวกหลายคน ซึ่งทั้งหมดทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างได้พากันไปดื่มสุราที่ร้านอาหารอีสานลำซิ่ง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ต่อมาผู้เสียหายอยากรับประทานอาหาร จำเลยได้อาสาขี่จักรยานยนต์พาไปหาซื้ออาหาร ระหว่างนั้นจำเลยได้ออกอุบายว่าปวดท้องจึงขี่จักรยานยนต์เข้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ขณะผู้เสียหายกำลังยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ จำเลยก็ได้อุ้มผู้เสียหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อกระทำอนาจารลวนลาม และพยายามข่มขืนผู้เสียหายแต่ไม่สำเร็จ จึงบังคับให้ผู้เสียหายใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้ก่อนที่จะหลบหนีไป หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้นำเรื่องไปเล่าให้ป้าฟัง และพากันไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่ง, 283 ทวิ วรรคสอง, 317 วรรคแรก เป็นความผิดหลายกรรม ลงโทษทุกกรรม ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 4 ปี, ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 9 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 4 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ได้พิเคราะห์รายงานสืบเสาะประวัติของจำเลยแล้ว เห็นว่าก่อนหน้านี้จำเลยเคยถูกดำเนินคดีข้อหาพรากผู้เยาว์มาแล้ว 1 ครั้ง กลับมากระทำผิดซ้ำอีก จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ