“แจ๊ด” เซ็นเด้งลูก “อัศวิน” เครือญาติ ปชป.วิจารณ์แซดรังแกเด็ก

ผบช.น.เซ็นเด้ง 3 นายตำรวจประจำ บช.น.ทั้งลูกชาย-น้องเมีย พล.ต.อ.อัศวิน รองผู้ว่าฯ กทม.และลูกชาย-น้องชายรองแต้ม ซึ่งขณะนี้นั่งเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.อ้างเพื่อความเรียบร้อย และไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ วิจารณ์หึ่งใบสั่งการเมือง

วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.มีหนังสือเรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ถึง ผบก.น.2, ผบก.น.6, ผบก.น.7 และ ผบก.อก.บช.น.ระบุว่าด้วย บช.น.มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่จะสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติการเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เพื่อให้การปฏิบัติราชการภายในสังกัด บช.น.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา ม.74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547, ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการในฐานะเป็นอธิบดี หรือแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ 1.พ.ต.อ.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ รอง ผบก.น.7 2.พ.ต.ท.สถิตย์ สังข์ประไพ รอง ผกก.สส.สน.สายไหม 3.ร.ต.อ.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง รอง สว.กก.สส.บก.น.6 มาปฏิบัติราชการฝ่ายข่าวที่กกล.รส.ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึง 30 พ.ย.56 หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ให้เดินทางมารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ภายในวันที่ 31 ต.ค.56

ขณะที่มีรายงานว่าล่าสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดลงวันที่ 31 ต.ค. ให้พ.ต.ต.อิทธิพล สังข์ประไพ สว.สส.บก.น.5 ลูกชาย พล.ต.ต.วิชัย มาปฏิบัติราชการที่ กกล.รส.บช.น. โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 พ.ย.56 หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ให้เดินทางมารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ภายในวันที่ 1 ต.ค.2556 ก่อนเวลา 12.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่คำสั่งนี้เผยแพร่ออกไป ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในแวดวงข้าราชการตำรวจ เพราะ พ.ต.อ.เอกชัย มีศักดิ์เป็นน้องภรรยา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ต.ท.สถิตย์ เป็นน้องชาย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขณะที่ ร.ต.อ.อัษฎาวุธ เป็นลูกชาย พล.ต.อ.อัศวิน โดยนายตำรวจที่ถูกย้ายในครั้งนี้เป็นเครือญาติของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จึงถูกมองว่าเรื่องนี้มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ขณะที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็ก หากเป็นเช่นนี้ตำรวจระดับใต้บังคับบัญชาจะเสียขวัญและหมดศรัทธาต่อผู้บังคับบัญชา ขณะที่มีกระแสข่าวว่าการโยกย้ายครั้งนี้เป็นเพราะเกรงว่าหากนายตำรวจทั้ง 3 นาย ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่จะทำให้การข่าวของตำรวจรั่วไหล เพราะช่วงนี้อยู่ในห้วงเวลาการชุมนุม