กรมศุลกากร แถลงผลจับกุมสินค้าลักลอบจำนวนมาก ประเภทสารเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤกธิ์ต่อจิตและประสาท ฯลฯ โดยจับกุมได้ในรอบเดือน มูลค่ากว่า 65ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้( 21 ต.ค.) ที่กรมศุลกากร เขตคลองเตย นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายไพศาล ชื่นจิตร ผอ.สำนักงานสืบสวนและปราบปราม แถลงข่าวจับกุมสินค้าลักลอบหนีศุลกากรจำนวนมาก ประเภทยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เครื่องดื่มชูกำลัง บุหรี่ สุราต่างประเทศ และ สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าประเภทกะโหลกสัตว์ เขาสัตว์ โดยเป็นการจับกุมในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา รวมมูลค่ากว่า 65 ล้านบาท
แบ่งเป็นความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร สามารถจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ แว่นตา ยี่ห้อเรย์แบน เข็มขัด รองเท้า เสื้อและรองเท้ากีฬา ยี่ห้อ ไนกี้ อาดิดาส นิวบาลาน กระเป๋าสตรี ยี่ห้อ หลุยซ์วิตตอง เป็นต้น จำนวน 93,580 ชิ้น มูลค่า 32.5 ล้านบาท สินค้าประเภทไม้พะยูง จำนวน 986 ท่อน มูลค่า 8 ล้านบาท ซึ่งส่งออกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ และไม้ประดู่แปรรูป 95 แผ่น มูลค่า 2 ล้านบาท ข้าวเปลือกเจ้า น้ำหนัก 4 ตัน มูลค่า 6 หมื่นบาท
นอกจากนี้ ยังจับกุมสินค้าตามสนธิสัญญาไซเตส ประเภทกะโหลกสัตว์ เขาสัตว์ จำนวน 43 ชิ้น มูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท จับกุมสุราต่างประเทศ จำนวน 1,152 ขวด มูลค่า 785,400 บาท ยาลดน้ำหนัก จำนวน 1,200 ประปุก มูลค่า 600,000 บาท พร้อมกันนี้ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิได้ตรวจพบยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 380 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 0.93 กรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 5 (กัญชา) 10 กิโลกรัม มูลค่า 150,000 บาท กระเป๋าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและโทรศัพท์เคลื่อนที่เก่าใช้แล้ว มูลค่า 2.3 ล้านบาท
สินค้าหลีกเลี่ยงอากร และสินค้าต้องห้าม ต้องกำจัด โดยจับกุมแก้วเซรามิก จำนวน 46,170 ใบ มูลค่า 692,550 บาท เครื่องดื่มชูกำลัง นำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวน 4,360 ลัง มูลค่า 1,947,000 บาท และบุหรี่ หลายยี่ห้อ นำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต 400,000 ซอง มูลค่า 15 ล้านบาท รวมมูลค่าของกลางทั้งหมด 65,445,950 บาท
นายราฆพ กล่าวว่า การกรณีดังกล่าวเป็นการจับกุมจากทั่วประเทศ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ของกลางที่นำมาแถลงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ หลังจากที่ตนมารับตำแหน่ง 1 เดือน ก็มีนโยบายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ซึ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้ให้ความสะดวกในการผ่านวิธีตรวจ ตามพันธะขององค์การศุลกากรโลก ที่เซ็นสัญญาไว้ ดังนั้น การควบคุมที่ผ่านมา จึงค่อนข้างอ่อน แต่ปีนี้ เราจะเข้มงวด และปรับปรุงการควบคุม คือ จะเพิ่มความเข้มงวดทุกเรื่อง เพื่อให้ปีนี้สามารถจัดเก็บภาษีไปได้ตามเป้า โดยมีฐานภาษีเท่าเดิม จำนวน 131,800 ล้านบาท สูงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของปีที่แล้ว
นายราฆพ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยลงนามเอฟทีเอ (Free Trade Area หรือ เขตการค้าเสรี) มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีพันธะต้องปฏิบัติตามข้อตกลง ทางกรมศุลกากรจึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี โดยขณะนี้ ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด แต่ต้องไม่ให้กระทบ และไม่เป็นอุปสรรคกับการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ทางกรมศุลกากรจะพัฒนาปรับปรุงด้านเทคโนโลยี และนำมาใช้มาขึ้น เพื่อที่ลด หรือเลิก การตรวจสินค้าแบบกายภาพ ไปใช้เครื่องตรวจ ซึ่งมีการบันทึกภาพไว้ทั้งหมด ช่วยให้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และลดปัญหาทุจริตของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแบ่งตามการกระทำความผิด คือ ความผิดฐานลักลอบ และนำของที่ยังไม่เสียค่าภาษี หรือของต้องห้าม หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือซื้อ รับไว้ประการใดๆ ซึ่งรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร นอกจากนี้ ยังมีความผิดพ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลาง พร้อมกับนำผู้ต้องหาส่งกรมศุลกากรขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.