แรงงานไทยถูกหลอกไปเก็บผลไม้ป่าที่ฟินแลนด์ ร้องดีเอสไอตรวจสอบบริษัทหลอกคนไทยไปทำงานต่างแดน เสียหายกว่า 21 ล้านบาท
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอได้รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ไปทำงานเก็บผลไม้ในประเทศฟินแลนด์ จำนวน 30 ราย โดยเรียกรับค่านายหน้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 21 ล้านบาท แต่เมื่อเดินทางไปทำงานแล้วปรากฏว่าผู้เสียหายต้องดิ้นรนหาแหล่งเก็บผลไม้เอง และไม่ได้รับค่าแรงตามที่เสนอไว้ตั้งแต่แรก
นายธาริตกล่าวว่า วานนี้ (15 ต.ค.) นายวสันต์ หมั่นบ่อแก ตัวแทนผู้เสียหายแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์พร้อมแรงงานไทยอีก 30 คน เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ปฎิบัติการพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ว่าเมื่อประมาณเดือน เม.ย. 2556 กลุ่มผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากนายอภิชัย นาคสุข กรรมการบริษัท TS LAW & BUSINESS ประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท Ber-ex Oy ประเทศฟินแลนด์ ว่าต้องการคนงานไปเก็บผลไม้ที่ประเทศฟินแลนด์ จำนวน 73 คน โดยมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละ 68,000 บาท ค่าตรวจโรค 1,000 บาท และค่าทำบัตรกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศอีก 500 บาท ทั้งนี้กลุ่มผู้เสียหายบางรายไม่มีค่าใช้จ่ายในการไปทำงานตามที่นายหน้าเรียกรับ ก็ได้ไปขอกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยมีบริษัท Ber-ex Oy ซึ่งนายอภิชัยได้ออกหนังสือรับรองให้ แต่บางคนกู้นายทุนนอกระบบ หรือบางรายก็ขายไร่ขายนาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่าว่า ต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ให้คนงานไปอบรมที่แรงงานจังหวัดแต่ละจังหวัดที่มีภูมิลำเนาอยู่ และในวันที่ 29 ก.ค. 2556 กลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดออกเดินทางจากประเทศไทยไปยังซัดคูโม ประเทศฟินแลนด์ และได้มีตัวแทนบริษัท Ber-ex Oy ชาวฟินแลนด์ และมีนาย Kari Jansa เจ้าของบริษัทเป็นผู้เดินทางมารับกลุ่มผู้เสียหายถึงสนามบินและจัดหาที่พักพร้อมทั้งให้การอบรม โดยมีล่ามชาวไทยเป็นผู้แปลภาษาให้ หลังจากนั้นจึงพากลุ่มผู้เสียหายไปยังเมืองจูวา ประเทศฟินแลนด์ เพื่อทำงานเก็บผลไม้ (ลูกเบอร์รี) ซึ่งในช่วง 3 วันแรกไม่มีผลไม้ให้เก็บเนื่องจากได้มีคนงานชาวไทยจากบริษัทอื่นไปเก็บผลไม้ก่อนหน้านี้แล้ว กลุ่มผู้เสียหายจึงขอออกไปสำรวจหาผลไม้เอง และเมื่อพบผลไม้ซึ่งอยู่อีกเมืองหนึ่งห่างไปประมาณ 700 กม. ก็ได้ขอให้ทางบริษัทย้ายที่พักคนงานไปอยู่ในบริเวณที่พบผลไม้ แต่บริษัทกลับไม่อนุญาตให้ย้าย พร้อมทั้งแจ้งว่าใครที่จะย้ายไปเก็บผลไม้ดังกล่าวจะส่งกลับประเทศไทย
ทั้งนี้ นายธวัชชัย สุขรินทร์ เจ้าของบริษัท TS LAW & BUSINESS แจ้งให้แรงงานกลุ่มผู้เสียหายเก็บผลไม้ที่เมืองจูวาต่อไป โดยบริเวณนั้นมีผลไม้น้อยไม่คุ้มค่าใช้จ่าย ต่อมากลุ่มผู้เสียหายได้เริ่มเก็บผลไม้ (ลูกเบอร์รี่ชนิดสีแดง) ซึ่งเริ่มสุก และเริ่มมีรายได้ แต่ทางบริษัท Ber-ex Oy กลับย้ายกลุ่มผู้เสียหายไปที่อื่นโดยแยกเป็น 3 กลุ่ม ตามเมืองต่างๆ ซึ่งตามเมืองต่างๆ ที่ย้ายไปนั้นไม่มีผลไม้หรือมีผลไม้น้อย ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย บางแห่งก็มีคนงานบริษัทอื่นเก็บอยู่แล้ว กลุ่มผู้เสียหายจึงขอย้ายกลับเมืองจูวา แต่บริษัทไม่ยอมพร้อมทั้งขู่ว่าใครย้ายจะส่งกลับประเทศไทย กลุ่มผู้เสียหายจึงยินยอมที่จะกลับแต่ต้องชำระค่าเก็บผลไม้ แต่บริษัทไม่ยอมจ่าย พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาไล่กลุ่มผู้เสียหายออกจากที่พัก กลุ่มผู้เสียหายจึงขอความช่วยเหลือจากคนไทยในประเทศฟินแลนด์ และชมรมคนว่างงานของฟินแลนด์ได้ให้ความช่วยเหลือโดยการจัดหาที่พักและอาหารให้ รวมทั้งช่วยต่อสู้เรียกร้อง สิทธิต่างๆ และติอต่อสถานทูตไทยประจำประเทศฟินแลนด์เพื่อเข้ามาช่วยเจรจาแต่ก็ไม่สำเร็จ
นายธาริตกล่าวว่า ต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ยอมจ่ายค่าผลไม้ให้แก่พนักงาน แต่จ่ายให้แค่ 30 คน ตามจำนวนผลไม้ที่เก็บได้จริง ส่วนอีก 20 คนไม่จ่าย โดยให้เหตุผลว่าได้กู้เงินบริษัท TS LAW & BUSINESS ซึ่งโอนเงินให้กับบริษัท TS LAW & BUSINESS ที่ประเทศไทยแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผู้เสียหายไม่ได้กู้เงินจากบริษัท TS LAW & BUSINESS แต่อย่างใด จนกระทั่งกลุ่มคนไทยร่วมกับคนฟินแลนด์ในประเทศฟินแลนด์ จัดคอนเสิร์ตระดมทุนหาเงินให้กับกลุ่มผู้เสียหายให้ทยอยเดินทางกลับ ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อน และได้รับความเสียหาย จากการที่ถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ และค่าเสียหายจากการไม่ได้รับเงินค่าเก็บผลไม้ที่ได้เก็บไปแล้ว รวมทั้งค่าเสียเวลาที่ไม่ได้เก็บผลไม้ คนละประมาณ 3 แสนบาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 21 ล้านบาท กลุ่มผู้เสียหายจึงขอให้ดีเอสไอให้ความช่วยเหลือ โดยรับเป็นคดีพิเศษและดำเนินคดีกัต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้กระทำผิดกฎหมาย