รอง ผบก.ปท.จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านไอที รวม 25 สถานี เพื่อเสริมสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงระบบออนไลน์ในการจับแจ้งเหตุอาชญากรรม หรือภัยที่เกี่ยวกับการคุกคาม รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 15 ต.ค. 56 พ.ต.อ.วรรณวุฒิ ชาญนุกูล รอง ผบก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้จัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านไอที ณ ห้องอิงเมือง โรงแรมพักพิงอิงทาง บูติค โฮเทล ถนนงามวงศ์วาน อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อให้ความรู้แก่เจ้าหน้าตำรวจเพิ่มเติมในเขตพื้นที่นครบาล 4และนครบาล 2 รวม 25 สถานีเพื่อเสริมสร้างโครงข่ายและเชื่อมโยงระบบออนไลน์ในการรับแจ้งเหตุอาชญากรรมหรือเรื่องภัยที่เกี่ยวกับการคุกคามด้านไอทีต่างๆ ทางคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งขึ้น
โดย พ.ต.อ.วรรณวุฒิ ชาญนุกูล รอง ผบก.ปอท.กล่าวว่า ในยุคสังคมปัจจุบันนี้นับว่าระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์หรือระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กมีส่วนสำคัญในการทำงานและเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมากเหมือนเป็นสังคมใหญ่อีกสังคมหนึ่งในการติดต่อพูดคุย ทำธุรกรรมในทุกๆ ด้านผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม ขายของ-ซื้อของ โฆษณา สินเชื่อ หรือหาข้อมูลความรู้ในด้านต่างๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับทางระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ หรือระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งสิ้น และเมื่อทางสังคมออนไลน์หรือระบบโซเชียลเน็ตเวิร์กมีขนาดประชากรที่ใหญ่ขึ้น มีจำนวนผู้มาเข้าใช้งานเพิ่มมากขึ้นก็ย่อมเป็นธรรมดาที่มักจะมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาก่อกวนในด้านต่างๆ เช่น หลอกซื้อของ-ขายของ แอบอ้างนำชื่อเสียงไปก่อคดี หลอกโอนเงิน เหล่านี้ที่พบและเป็นข่าวกันอยู่บ่อยๆ โดยมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาในสังคมของโลกออนไลน์ยังคงก่ออาชญากรรมอยู่จนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น หน่วยตำรวจ ปอท. หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ได้มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงในการเข้าไปดูแลรับเรื่องร้องเรียนในด้านต่างๆ ผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุคลากรมีจำกัดจึงไม่สามารถเข้าไปดูแลพี่น้องประชาชนได้สมบูรณ์ครบถ้วนทุกเรื่องราวได้ จึงเป็นที่มาของโครงการ “สายตรวจอินเทอร์เน็ต” รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านทางเว็บไซต์ WWW.TCSD.IN.TH ที่ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมกับประชาชน และเพื่อฝึกอบรบเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านไอทีที่มีอยู่แล้วในสถานีตำรวจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและศักยภาพที่สูงขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาหน้าที่และการทำงานของทาง ปอท. และถือเป็นการนำร่องพัฒนาระบบเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่กำลังมาถึงนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงหน่วยงานตำรวจให้เป็นสากล อย่างเช่นที่ประเทศมาเลเซียก็จะมีจัดตั้งเว็บไซต์ขึ้นชื่อ รักกันค็อป หรือเรารักตำรวจ ที่ชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการ์ณต่างๆ แต่ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นพยานใดๆ ในด้านคดี ก็จะถ่ายรูปและขึ้นโพสต์ในเว็บไซต์รักกันค็อปได้เลย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะสืบและดำเนินการต่อไปเองได้ ซึ่งก็ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าการที่โทร.เข้ามาแจ้งเหตุทางโทรศัพท์ในระบบรับแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ ที่มีอยู่
ด้าน พ.ต.อ.วรรณวุฒิ ชาญนุกูล รอง ผบก.ปอท.กล่าวเสริมอีกว่า หากมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาแจ้งเรื่องหรือเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในด้านไอทีต่างๆ ทางหน่วย ปอท.ก็จะสามารถตรวจสอบประวัติจากไอพีที่อยู่ของผู้ที่ใช้งานจากคอมพิวเตอร์ได้ และเรายังสามารถระงับเหตุที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับไอทีและเรื่องต่างๆ สามารถมาแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ที่สถานีตำรวจนครบาล 4 และนครบาล 2 ใน 25 สถานีนำร่องในเขตกรุงเทพมหานคร และอีกไม่นานก็จะครอบคุมไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศในอนาคตพร้อมสะดวกแจ้งเหตุได้ทางเว็บไซต์ WWW.TCSD.IN.TH ได้ตลอด 24 ชั่วโมง